ในที่สุดการเดินทางอันยาวนานถึง 10 ปีของภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่นที่ดีที่สุด ‘Rurouni Kenshin’ ก็จบลง ใจหายเหมือนกันนะ เพราะเราก็เป็นทั้งแฟนมังงะและไลฟ์แอคชั่นเลย อยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิต ซึ่งในภาค ‘รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร: ปฐมบท‘ ก็สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
สำหรับใครที่ยังงงๆ ไทม์ไลน์ ภาคสุดท้ายนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดเคนชิน (บัตโตไซ) เลย
ส่วนของเนื้อเรื่อง ก็นั่นแหละ จุดเริ่มต้น ถ้าเป็นแฟนการ์ตูนจะไม่แปลกใจที่เอามาไว้ตอนจบ เป็นเรื่องราวสมัยที่เคนชินยังเป็นมือพิฆาตบัตโตไซอยู่ แล้วก็ได้เจอกับโทโมเอะ คนที่คู่หมั้นถูกบัตโตไซสังหารและฝากรอยแผลเป็นรอยหนึ่งไว้ที่แก้มซ้าย โทโมเอะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตบัตโตไซ เป็นฝักดาบที่ทำให้บัตโตไซค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้วทั้งคู่ก็ค่อยๆ รักกัน โดยที่บัตโตไซไม่รู้เลยว่า โทโมเอะถูกส่งมาจากฝั่งศัตรูเพื่อให้มาเป็นจุดอ่อนของตัวเอง (โทโมเอะก็โดนหลอกใช้) สุดท้ายคือในตอนที่สู้กัน โทโมเอะเอาตัวมาขวางทางดาบของบัตโตไซที่ประสาทสัมผัสดับไปชั่วคราว ทำให้เธอถูกฟันเต็มๆ แล้วก็ได้ฝากรอยแผลอีกแผลทาบทับแผลเดิมจนเป็นรูปกากบาท (ตรงนี้ในหนังให้โทโมเอะเป็นคนทาบมีด แต่ในมังงะมีดมันร่วงลงมาจากมือโทโมเอะ) จบเรื่องคือตอนเริ่มต้นของภาค 1 ในสงครามโทบะฟูชิมิ
รีวิว Rurouni Kenshin: The Beginning
งานเนื้อเรื่อง
พูดจริงๆ นะ นี่คือภาคที่เล่าเรื่องได้ดีที่สุดในบรรดา 5 ภาคจริงๆ เป็นโรแมนติก-ดราม่าที่ดูจับต้องได้ มีความเป็นมนุษย์จริงๆ ความรู้สึกทางอารมณ์ที่ซับซ้อนแบบนี้แหละ เพราะจริงๆ แล้วตัวบัตโตไซ ณ ตอนนั้นก็แค่เด็กหนุ่มวัย 18 เองนะ แต่กลับต้องมาฆ่าคนไม่รู้กี่คน ตัวตนจริงๆ ของเขาบริสุทธิ์มาก ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากยุคใหม่ที่คนจะอยู่กันอย่างสันติ เพราะงี้พอเจอกับคู่หมั้นโทโมเอะที่พยายามจะเอาชีวิตรอดถึงได้สั่นไหวไง เหมือนเปลือกนอกมันถูกกระเทาะแล้ว ในขณะที่โทโมเอะเองในเรื่องแก่กว่าเคนชินนะ อายุ 25 เป็นตัวละครที่ซับซ้อนทางอารมณ์พอกัน ทั้งรักทั้งเกลียด อารมณ์แบบนี้แหละคือมนุษย์ แล้วเนื้อเรื่องเล่าได้ดีมาก ค่อยเป็นค่อยไปให้รู้ว่าเพราะอะไร ทำไม มันซัพพอร์ตการที่เคนชินในปัจจุบันไม่ฆ่าคนได้ดีเลย เชื่อว่าใครที่ได้ดูไลฟ์แอคชั่นจะยิ่งตกหลุมรักเคนชินมากกว่าเดิม (ทีมมังงะรักไปนานแล้ว)
เห็นมีบางคนบอกว่าการเอาเนื้อเรื่องบัตโตไซกับโทโมเอะไว้ท้ายแบบนี้ทำให้เรื่องราวของเคนชินกับคาโอรุไม่มีความหมาย เราเห็นต่างนะ กลับคิดว่าแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว เพราะเรารู้ว่าโทโมเอะคืออดีตอันแสนสุขและแสนเศร้าของเคนชินซึ่งไม่มีวันหวนคืนได้แล้ว เป็นคนที่ทำให้บัตโตไซหาคำตอบในการกระทำของตัวเองเจอ ขณะที่คาโอรุคืออนาคตของเคนชิน เป็นตัวแทนของสันติสุขที่เคนชินปรารถนามาตลอด เราว่าคาโอรุนี่แหละคือของขวัญให้เคนชิน และโทโมเอะก็ต้องดีใจที่ได้เห็นคนที่เธอรักมีความสุขกับยุคใหม่แน่ๆ (สาธุบุญที่ไม่อิงตาม OVA ไปหมด ถ้าทำถึงตอนจบนั่นล้มโต๊ะแน่)
งานฉากแอคชั่น
ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ กับเรื่องนี้ คือต่อให้ภาคนี้จะมีแอคชั่นน้อยลง แต่ทุกซีนก็ทำได้ดีเลย เอาจริงๆ อุดปากกรี๊ดตั้งแต่แอคชั่นซีนแรก โอ้โห คิดได้ยังไง ใช้ปากคาบดาบสู้!! นอกจากจะเท่มาก สวยมากแล้ว ยังสุดยอดมากด้วย แล้วดูใน Netflix มันดีตรงที่จะกรอดูกี่ครั้งก็ได้ นี่กรอดูซีนบู๊ทุกซีน ทำออกมาได้ดีมาก แบบจังหวะตวัดดาบใดๆ คือไม่ได้ท่ายากแต่สวยมากจริงๆ
นักแสดง-ตัวละคร
ชอบนักแสดงชุดนี้มาก คือทุกคนหล่อเท่ไปหมด ตอนเปิดตัวกลุ่มชินเซ็นกุมิก็แสนจะหล่อเท่ แล้วนี่ไบแอสโอคิตะอยู่แล้ว เพราะเคยเจอในไยบะ (แต่เป็นรุ่นทายาท) ซึ่งเราเมมไว้แล้วว่าเขาน่ารัก หล่อ เท่ และโคตรเทพ แล้วนักแสดงที่หามาก็คือโคตรจะใช่เลย ขนาดทรงผมเถิกกลางยังทำอะไรไม่ได้ ที่ประทับใจอีกคนก็ท่านมัตสึระ หามาได้โคตรตรงตามมังงะ คือเขามีคาแรกเตอร์เป็นผู้ใหญ่ที่เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋น คือต้องทำให้รู้ว่าเขาหล่อ เท่ ฉลาด โดยที่ไม่มีการแสดงออกมาเลยสักครั้ง ซึ่งมันดีมาก ทำให้เราเชื่อได้จริงๆ ส่วนตัวละครหลักอย่างโทโมเอะก็ต้องบอกว่ารักเลย รักเลยจริงๆ เขาคือโทโมเอะ ใช่เลย สวยมาก สวยแบบเย็นเยือก แถมด้วยเอนิชิฉบับผมดำสุดแสนจาคิ้วท์ แต่จนภาคนี้ก็ยังไม่ยอมบอกว่าทำไมผมถึงเปลี่ยนเป็นสีขาวให้คนดูรู้อยู่ดี
ภาพ-การเล่าเรื่อง
ที่ประทับใจมากๆ เลยคือช่วงที่บัตโตไซเสียประสาทสัมผัสทางการได้ยิน ตอนนั้นก็คิดอยู่ว่าจะเล่ายังไง สรุปคือใช้เสียงหอบ เสียงครางเบาๆ ของบัตโตไซเล่า แล้วคือเสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝั่ง เสียงดาบ เสียงเท้าก็คือหายไปเลย ถ้าดังมากๆ ก็จะได้ยินก้องๆ เออ ฉลาดใช้วิธีนี้มาก ตอนแรกเราก็กลัวคนที่ไม่เคยอ่านมังงะจะไม่เก็ต เพราะนี่คือส่วนสำคัญเลยที่ทำให้บัตโตไซไม่รู้ว่าโทโมเอะเข้ามาขวาง และว่าไปแล้วก็เสียดายเรื่องกลิ่นดอกบ๊วยขาว แต่ก็เข้าใจแหละว่าพอเป็นหนังจริงๆ มันก็เล่ายาก
อีกซีนนึงที่เราประทับใจแต่ไม่รู้จะจัดในหมวดไหน คือตอนที่บัตโตไซร้องไห้ ช่วงที่ปะทะกับชินเซ็นกุมิ ตอนเห็นหยดน้ำตานี่ก็สะเทือนใจเหมือนกันนะ มันคงฟีลแบบ ที่เข่นฆ่าทุกคนมามันจะเสียเปล่าเหรอ จะจบที่จรงนี้เหรอ ยิ่งสะท้อนความบริสุทธิ์ของบัตโตไซได้ดีเลย
เรื่องน่าขัดใจ
สิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายคืออย่างที่ว่าทีมสร้างไลฟ์แอคชั่นอิงสตอรี่บัตโตไซ-โทโมเอะ มาจาก OVA ทำให้เจตนาของรอยแผลจากโทโมเอะเปลี่ยนไป อย่างที่บอกว่าจริงๆ แล้วแผลเป็นอีกฝั่งมันเกิดจากมีดที่ร่วงจากมือโทโมเอะตอนเอาตัวเข้าขวางไม่ให้ศัตรูฆ่าบัตโตไซอ่ะ แต่พอเป็นว่าโทโมเอะจงใจสร้างแผลมันเลยไม่เมคเซ้นเท่าไหร่ เพราะถ้าอิงตามมังงะมันจะลึกซึ้งกว่านะ ทั้งสองแผลเกิดจากการพยายามปกป้องสิ่งที่ตนเองรักอย่างสุดชีวิตอ่ะ นี่คือคีย์หลักของเรื่องทั้งหมดเลย ‘การปกป้อง‘ นี่แหละที่ทั้งเรื่องเน้นย้ำมาตลอด
กลิ่นดอกบ๊วยขาวนี่ก็น่าเสียดาย เพราะเป็นเอกลักษณ์ของโทโมเอะเลย ในมังงะจริงๆ พูดถึงกลิ่นนี้บ่อยมาก ตอนเจอกันครั้งแรกกลิ่นเลือดกับกลิ่นดอกบ๊วยขาวก็ทำให้บัตโตไซเวียนหัวแล้ว นานเข้ากลิ่นเลือดที่ล้างไม่ออกก็ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นดอกบ๊วยขาว จนกระทั่งถึงตอนที่ฟันโทโมเอะ บัตโตไซก็ได้กลิ่ยดอกบ๊วยขาวพอดีในจังหวะที่ลงดาบไปแล้ว (ประสาทสัมผัสทั้งหมดถูกตัดขาดยกเว้นการได้กลิ่น)
เรื่อง ‘มือพิฆาต’ ที่ไปแทนที่บัตโตไซและไปตามเก็บคนทรยศนั่นก็น่าเสียดายที่ไม่เฉลยว่าคือ ชิชิโอ พวกเราที่อ่านมังงะมาจะรู้อยู่แล้วแหละ แต่เราว่าตรงนี้ถ้าทำดีๆ ก็น่าจะทำให้คนไม่เคยอ่านมาก่อนว้าวได้นะ เพราะชิชิโออยู่กับเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่ต้น
สุดท้ายนี้อยากขอบคุณทาเครุและทีมงานทุกคนจริงๆ ที่ทำงานหนักมาตลอด 10 ปี ขอบคุณที่ทำให้เราตกหลุมรักเรื่องนี้ซ้ำๆ ไม่รู้เบื่อ เคนชินจะอยู่ในหัวใจของเราตลอดไป และเราจะเจอกันได้ซ้ำๆ ทุกครั้งที่กลับมาดูนะ