ปัจจุบันมีซีรีส์มากมายที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของกลุ่มคนแซฟฟิค แต่ Gentleman Jack คงเป็นหนึ่งในซีรีส์ย้อนยุคไม่กี่เรื่องที่นำเสนอความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกระหว่างผู้หญิงในช่วงเวลา 200 ปีที่แล้ว และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของบุคคลในประวัติศาตร์และได้รับการยอมรับว่าเป็นโมเดิร์นเลสเบี้ยนในศตวรรษที่ 19 “แอนน์ ลิสเตอร์ (Anne Lister)”
เรื่องราวที่น่าสนใจของ Gentleman Jack เริ่มต้นด้วยปี ค.ศ. 1832 บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครหลักอย่างแอนน์ ลิสเตอร์ หญิงสูงศักดิ์จากตระกูลเก่าแก่ที่เมืองฮาลิแฟกซ์ เธอเป็นทั้งเจ้าของที่ดิน นักธุรกิจ นักเดินทาง และนักเขียนไดอารี่ กล่าวได้ว่าแอนน์เป็นผู้หญิงที่ไม่เข้าขนบของผู้หญิงในสมัยนั้นมากนัก เพราะเธอชอบสวมเสื้อผ้าแบบผู้ชาย ใส่หมวกทรงสูง มีเสียงทุ้มต่ำ จนได้รับการขนานนามจากชาวเมืองที่พบเห็นว่า “Gentleman Jack” ซึ่งคำว่า “Jack” เป็นคำที่ใช้เรียกผู้หญิงที่มีลักษณะห้าวคล้ายผู้ชายในบริบทสมัยก่อนนั่นเอง
ซีรีส์เลสเบี้ยนเรื่องนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวของแอนน์ ลิสเตอร์ ทั้งในด้านชีวิตส่วนตัว การทำงาน การเดินทาง และการและความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกระหว่างตัวเธอเองและเหล่าหญิงสาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอน วอล์คเกอร์ (Ann Walker) หญิงสูงศักดิ์ทายาทหนึ่งเดียวจากตระกูลร่ำรวยที่ได้แต่งงานกับแอนน์ ลิสเตอร์ ถึงแม้การแต่งงานของเธอทั้งสองจะกระทำอย่างลับๆ ในโบสถ์แห่งหนึ่ง แต่ว่าการแต่งงานครั้งนี้ได้กลายเป็น same-sex marriage ครั้งแรกเท่าที่เคยมีบันทึกมาในประวัติศาสตร์ ถึงแม้การมีความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกกับเพศเดียวกันยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมยุคก่อน แต่แอนน์ ลิสเตอร์และแอน วอล์คเกอร์ ได้ทำให้เราเห็นว่าพวกเธอทั้งสองมีความรักที่บริสุทธิ์ และสามารถใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเปิดเผยไม่ต่างจากคู่แต่งงานชายหญิง
อย่างไรก็ตาม แม้แอนน์จะเกิดเป็นหญิงสูงศักดิ์และร่ำรวย แต่การใช้ชีวิตของเธอนั้นก็ต้องต่อสู้กับข้อจำกัดทางเพศมากมายในสมัยนั้น ทั้งการอดทนต่อคำกว่าหาว่าตัวเธอเป็นผู้หญิงที่แปลก ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม หรือการถูกเอาเปรียบจากการทำธุรกิจเหมืองถ่านหินเพียงเพราะแอนน์เป็นนักธุรกิจผู้หญิงหนึ่งเดียวในสมัยนั้น แต่ว่าแอนน์ก็ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าการเป็นตัวเองทั้งในด้านความชื่นชอบส่วนตัวในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ การประกอบอาชีพของเธอ รวมทั้งอัตลักษณ์ทางเพศและการแสดงออกนั้นไม่ใช่เรื่องผิดบาปหรือเป็นสิ่งที่ต้องหลบซ่อน Gentleman Jack จึงพาเราย้อนเวลาไปสัมผัสเรื่องราวที่กล้าหาญของเธอคนนี้ในศตวรรษที่ 19 ผ่านเค้าโครงจริงเป็นหลักโดยอิงจากไดอารี่ของแอนน์ ลิสเตอร์ ที่มีการบันทึกไว้ ซึ่งมีความยาวประมาณ 5 ล้านคำ รวมทั้งสิ้น 27 เล่ม
กว่าจะมาเป็น Gentleman Jack ที่ทุกคนรู้จัก
กว่าเรื่องราวของแอนน์ ลิสเตอร์จะถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ในจอโทรทัศน์ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าไดอารี่ที่เป็นแกนหลักของเรื่องราวทั้งหมดได้ถูกซ่อนไว้ด้วยความตั้งใจ เพราะเนื้อหาในไดอารี่ไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่ยังมีการกล่าวถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างแอนน์ ลิสเตอร์ และ (เหล่า) แฟนสาวของเธออย่างลงรายละเอียดทุกเม็ด จนถึงขั้นที่ว่าไดอารี่เล่มนี้อาจถูกทำให้หายไปตลอดกาลก็ได้ถ้าให้คนทั่วไปในสมัยนั้นได้รับรู้
“I love & only love the fairer sex & thus beloved by them in turn, my heart revolts from any other love than theirs”
(ฉันรัก และรักแต่เพียงเพศหญิงเท่านั้น หัวใจของฉัน ไม่ได้มีไว้รักผู้ชาย)
เรื่องราวของแอนน์ถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยตัวของเธอเอง และเหตุการณ์ทั้งหมดยังเกิดในช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของประวัติศาสตร์ในอังกฤษ แต่เรื่องราวของเธอกลับไม่ถูกพูดถึง จนกระทั่ง 30 ปีที่ผ่านมานี้ ได้มีการค้นพบบันทึกของเธอ แต่ก็ไม่เป็นที่สนใจในเนื้อหาข้างในไดอารี่
ด้วยความที่ลายมือนั้นยากที่จะอ่าน ประกอบกับ 1 ใน 3 ของเนื้อหาทั้งหมด ถูกบันทึกด้วยรหัสลับที่เธอสร้างขึ้นมาเองโดยเกิดจากการผสมตัวอักษรกรีกและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เข้าด้วยกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามของ Helena Whitbread (เฮเลน่า วิทเบรด) นักประวัติศาสตร์ที่มีความสนใจในไดอารี่ของแอนน์ ลิสเตอร์ ลดน้อยลงไปเลย เธอนำไดอารี่ทุกเล่มไปถอดรหัส ซึ่งใช้เวลากว่า 5 ปี และการค้นพบครั้งนี้ได้ทำให้เฮเลน่าได้เป็นบุคคลแรกที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเลสเบี้ยนในศตวรรษที่ 19 ที่ได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
คุณเฮเลน่าได้นำไดอารี่ที่ผ่านการถอดรหัสแล้วตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อว่า “The Secret Diaries of Miss Anne Lister: I Know My Own Heart” และ “The Secret Diaries of Miss Anne Lister: No Priest But Love” แม้เรื่องราวของแอนน์ ลิสเตอร์จะผ่านมาเกือบ 200 ปี แต่โลกก็เพิ่งได้รู้จักผู้หญิงเก่ง และน่าทึ่งคนนี้เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการพูดถึงเรื่อง LGBTQIAN+ เริ่มเป็นที่ยอมรับ และเปิดกว้างมากขึ้นบริบทในสังคมปัจจุบัน
หลังจากนั้นไม่กี่ปี หนังสือที่เฮเลน่าตีพิมพ์ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปถึง Sally Wainwright (แซลลี่ เวนไรท์) นักเขียนบทละครโทรทัศน์มากฝีมือที่สร้างชื่อเสียงให้กับซีรีส์ Happy Valley และ Last Tango in Halifax ด้วยความที่แซลลี่เติบโตมาในเมืองฮาลิแฟกซ์ และเคยไปเยี่ยมเยือนคฤหาสน์ชิบเดนในวัยเด็กหลายครั้ง ทำให้เธอรู้สึกผูกพันธ์กับคฤหาสน์ชิบเดนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของแอนน์ ลิสเตอร์ในสมัยนั้น แซลลี่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนที่ฉันไปคฤหาสน์ชิบเดนตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครพูดถึงลิสเตอร์เลย เรื่องราวของเธอถูกเก็บเป็นความลับ และฉันรู้สึกดีใจที่ได้เติบโตมาในเมืองนี้ (ฮาลิแฟกซ์) ฉันรู้จักคฤหาสน์ชิบเดนเป็นอย่างดี แต่ฉันดันไม่รู้จักผู้หญิงที่เก่งกาจคนนี้มาก่อนเลย” ด้วยแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ที่บ้านเกิด ผสมกับความสนใจในการทำละครที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิง แซลลี่จึงได้นำเรื่องราวของแอนน์ ลิสเตอร์มาถ่ายทอดสู่จอโทรทัศน์ในที่สุด
ความพิเศษของ Gentleman Jack ที่ทำให้เรื่องนี้แตกต่าง
Gentleman Jack ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของแอนน์ ลิสเตอร์ ในฐานะเลสเบี้ยนทั้งในด้านความสัมพันธ์และอุปสรรคต่าง ๆ ที่ต้องก้าวผ่านในสมัยที่ความรักระหว่างเพศเดียวกันยังไม่เป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวความยากลำบากของผู้หญิงที่ต้องต่อสู้กันทางธุรกิจกับคู่แข่งในยุคสมัยที่ผู้ชายเป็นใหญ่ การแต่งงานของตระกูลสูงศักดิ์ในสมัยก่อนที่เน้นการผูกมัดทางสังคมมากกว่าความรัก และการตีกรอบบทบาททางเพศที่แบ่งขั้วชายและหญิงอย่างชัดเจน จนทำให้แอนน์ ลิสเตอร์ เป็นคนนอกขนบเพียงเพราะมีความสนใจใฝ่รู้ในการเรียนหนังสือ วิทยาศาสตร์ การทำธุรกิจ และการเดินทาง แทนที่จะมุ่งความสนใจในการแต่งงาน ทำหน้าที่ภรรยา และอยู่กับบ้านเหมือนผู้หญิงชั้นสูงทั่วไปในสมัยนั้น
นอกจากนี้บทละครอัตชีวประวัติที่อ้างอิงจากเรื่องจริง ก็ยังได้สอดแทรกอารมณ์ขัน และความอบอุ่นจากตระกูลลิสเตอร์ที่สนับสนุนสิ่งที่แอนน์เป็น แม้ผู้คนรอบข้างจะไม่เข้าใจ ทั้งยังมีเรื่องความยากลำบากในการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศและการยอมรับตัวตนในยุคที่คำว่าเกย์หรือเลสเบี้ยนยังไม่เป็นที่รู้จักในสมัยนั้น นับว่าเป็นซีรีส์ที่มีเรื่องราวหลากหลายและผสานกันได้อย่างแยบยล ประกอบกับบทละครที่คมคาย เน้นใช้ภาษาในการถ่ายทอดตัวละคร ตามแบบฉบับของแซลลี่ เวนไรท์ จึงทำให้ซีรีส์เรื่อง Gentleman Jack ประสบความสำเร็จโดยมีรางวัลการันตีอย่าง TV Time Award สาขา Favourite Drama และ Royal Television Society สาขา Best Drama Series
การนำข้อความจริงมาใส่ในละครให้เหมาะสมกับบริบทมากที่สุดก็ยังเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของบทละครของแซลลี่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจในการเขียนบทที่เน้นใช้ภาษาจากอารมณ์และความรู้สึกของคนในชีวิตประจำวันโดยไม่ผ่านการปรุงแต่งมากให้มีเสน่ห์และประทับใจผู้ชม และแน่นอน ข้อความในไดอารี่ฉบับจริงบางส่วนถูกดึงมาใช้เป็นบทละครเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น “I love & only love the fairer sex & thus beloved by them in turn, my heart revolts from any other love than theirs (ฉันรัก และรักแต่เพียงเพศหญิงเท่านั้น หัวใจของฉัน ไม่ได้มีไว้รักผู้ชาย)” ประโยคนี้ก็ได้ถูกนำไปใส่ในบทละครในซีซั่น 1 ตอนที่ 5 ซึ่งแซลลี่ เวนไรท์ได้ถ่ายทอดประโยคนี้ให้แอนน์ ลิสเตอร์ในซีรีส์ได้พูดถึงความรู้สึกที่แท้จริงออกไปแทนแอนน์ ลิสเตอร์ตัวจริงที่ไม่มีโอกาสได้พูด และเรียบเรียงความรู้สึกที่สวยงามนี้ไว้เป็นรหัสลับในไดอารี่ของเธอแทน
นอกจากนี้ นักแสดงนำหญิงทั้งสองคน อย่างซูแรนน์ โจนส์ (จาก Doctor Foster และ Vigil) รับบทเป็นแอนน์ ลิสเตอร์ และโซฟี รันเดิล (จาก Peaky Blinders และ Bodyguard) รับบทเป็นแอน วอล์คเกอร์ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนเรียกได้ว่าถ้าใครที่เคยได้อ่านหนังสือหรือไดอารี่ของแอนน์ ลิสเตอร์ที่บรรยายภาพลักษณ์หรืออุปนิสัยของบุคคลต่าง ๆ เอาไว้ ก็จะไม่ผิดหวังกับทีมคัดนักแสดง นอกจากนี้ยังได้ เจมม่า โจนส์ (จาก Harry Potter และ Teacup Travels) และเจมม่า วีแลน (จาก Game of Thrones และ Killing Eve) เรียกได้ว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์และเรื่องราวระหว่างผู้หญิงได้อย่างแท้จริง เพราะผู้จัด คนเขียนบท ผู้กำกับ และนักแสดงต่างเต็มไปด้วยผู้หญิงเก่งมากความสามารถเข้ามาร่วมทีมในซีรีส์เรื่องนี้
สำหรับคนที่สนใจ สามารถรับชม Gentleman Jack season 1 ได้ทาง HBO GO และ season 2 ที่กำลังจะฉาย 26 เมษายนปี 2022 นี้
Sources:
- https://en.wikipedia.org/wiki/Gentleman_Jack_(TV_series)#cite_note-auto-46
- https://youtu.be/tvVWR9UqkZc
- https://youtu.be/Six1F2DdMfg
- https://www.annelister.co.uk/