[ตามรอยหนัง] โตเกียวใน Lost in Translation 20 ปี มีอะไรเปลี่ยนแปลง

| | ,

เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของ Lost in Translation ผลงานสุดคลาสสิคของผู้กำกับ Sofia Coppola ที่เล่าเรื่องราวของคนเหงาสองคนในประเทศญี่ปุ่นในช่วงระยะเวลาอันสั้น ที่พาคุณไปติดตาม บ็อบ แฮร์ริส นักแสดงหนังจากฮอลลีวูดที่บินมายังโตเกียวเพื่อถ่ายโฆษณาวิสกี้ บ็อบอยู่ในช่วงสับสนและรู้สึกหลงทางกับชีวิตของเขา และชาร์ล็อตต์ หญิงสาวที่เดินทางมาประเทศญี่ปุ่นกับสามี ชาร์ล็อตต์ยังคงไม่รู้ว่าชีวิตของเธอจะเดินเส้นทางไหนต่อไป โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้โลเคชั่นส่วนใหญ่ในโตเกียว มหานครที่เต็มไปด้วยแสงสี และความพลุ่กพล่านของผู้คนที่ไม่เคยหลับใหล เราจึงอยากพาทุกคนตามรอยหนังภายในมหานครโตเกียวในความทรงจำ ไปพร้อมๆ กัน

ตามรอยหนัง Lost in Translation ในโตเกียว

Shinjuku

ชินจูกุ ย่านที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยชาวญี่ปุ่นและเหล่านักท่องเที่ยวที่เดินทางกันอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมของกรุงโตเกียว ซึ่งสถานที่แห่งนี้ เหมาะแก่การถ่ายทำเป็นอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากความพลุกพล่านของผู้คนแล้ว ยังเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทำให้เหล่านักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียว อาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวได้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราจะพาทุกคนไปทัวร์ตามรอยในชินจูกุกันเลย

Park Hyatt Tokyo

โรงแรม Park Hyatt Tokyo คือสถานที่ที่บ็อบและชาร์ล็อตต์เดินทางเข้าพัก โดยโซเฟีย คอปโปล่า พบโรงแรมแห่งนี้ในขณะที่เธอเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ The Virgin Suicides ในญี่ปุ่นและเธอก็ตกหลุมรักโรงแรมแห่งนี้ “มันเป็นหนึ่งในสถานที่โปรดของฉันในโลกนี้เลย โตเกียววุ่นวายมาก แต่ภายในโรงแรมมันเงียบสุดๆ” และเธอเองก็ตั้งใจเอาไว้ว่าอยากที่จะมาถ่ายหนังที่นี่สักครั้งหนึ่ง

ใน Lost in Translation เราจะได้เห็นฉากต่างๆ ดำเนินเรื่องอยู่ในล็อบบี้ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องพัก และลิฟต์ของโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งถ้าจะเข้าพักโรงแรมนี้ตามรอยบ็อบกับชาร์ล็อตต์อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักหน่อย เพราะค่าห้องพักที่นี่เริ่มต้นอยู่ประมาณ 100,000 เยนต่อคืน โดยถ้าเราไม่เข้าพักที่แห่งนี้ เราก็อาจจะมาตามรอยบาร์ที่บ็อบและชาร์ล็อตต์นั่งดื่มกันในโรงแรมนี้แทนก็ได้ 

New York Bar ชั้น 52 ของโรงแรม Park Hyatt Tokyo

New York Bar ตั้งอยู่บนชั้น 52 ของโรงแรม Park Hyatt Tokyo ก็ตามชื่อตัวบาร์ถูกตกแต่งสไตล์นิวยอร์ก ด้วยความที่บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 52 คุณจะสามารถมองเห็นวิวได้ทั่วทั้งเมืองพร้อมกับให้คุณดื่มด่ำบรรยากาศเคล้ากับเสียงดนตรีแจ๊ส อาหาร และเครื่องดื่มได้ที่บาร์แห่งนี้ ซึ่งแม้ว่าคุณจะไม่ได้เข้าพักที่โรงแรมนี้ก็ตาม คุณก็สามารถมาใช้บริการ New York Bar เพื่อมานั่งฟังเพลงและเอาบรรยากาศในยามหัวค่ำได้โดยที่จะเสียค่าเข้าอยู่ที่ 2,750 เยน (รวมภาษี) คุณสามารถดูเมนูจากเว็บไซต์ไปก่อนก็ได้ และที่บาร์เองมีเครื่องดื่มค็อกเทลสุดพิเศษที่มีชื่อว่า L.I.T ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวหนังเรื่องนี้

ถ้าหากใครอยากไปสัมผัสบรรยากาศของบาร์ที่บ็อบและชาร์ล็อตต์เจอกันครั้งแรก ก็อาจจะต้องระวังคนเยอะในค่ำคืนวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

Joganji Temple (成願寺) 

วัด Joganji (แผนที่) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชาร์ล็อตต์เดินทางไปเยือนในตอนต้นของภาพยนตร์ ด้วยการเดินทางบนรถไฟใต้ดินของโตเกียว (ในหนังจะเห็นชาร์ล็อตต์รอขึ้นรถไฟใต้ที่สถานี Omotesando) เธอไปเยือนสถานที่สำคัญทางศาสนาและได้พบเห็นพิธีทางศาสนาพุทธ ก่อนจะเดินทางกลับห้องพักของเธอ และโทรหาเพื่อนที่สหรัฐอเมริกา เพื่อบอกว่า เธอไม่รู้สึกถึงอะไรเลย เต็มไปด้วยความว่างเปล่าของชีวิต

สถานที่ถ่ายฉากจบในย่านชินจูกุ

สำหรับฉากจบที่บ็อบและชาร์ล็อตต์บอกลากันเป็นครั้งสุดท้ายนั้น ซึ่งอยู่ในซอยบริเวณห้างสรรพสินค้า Yodobashi Camera สาขาชินจูกุ (แผนที่) ถ้าใครอยากไปเยือน สามารถเช็กตามแผนที่ด้านล่าง และถ่ายภาพตามรอยหนังกันได้เลย

Shibuya

ชิบุย่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เรียกว่าเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมญี่ปุ่นยุคใหม่เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะทางม้าลายข้ามถนนห้าแยกที่เป็นเอกลักษณ์ของชิบูย่าที่ปรากฎตัวอยู่ในนิตยสารทั่วโลก รวมไปถึงแหล่งช้อปปิ้งและเต็มไปด้วยศิลปะหลากหลายรูปแบบของสถานที่แห่งนี้

ชิบูย่า ถือเป็นโลเคชั่นหลักในการถ่ายทำ เต็มไปด้วยแหล่งบันเทิงและผู้คน รายล้อมไปด้วยจอโฆษณาสว่างๆ ขนาดใหญ่ ชวนให้นึกถึง Time’s Square ในย่านนี้คุณสามารถทำตัวเป็นชาร์ล็อตต์แล้วเดินข้ามห้าแยกชิบูย่า หรือจะไปกินชาบูสุกี้ยากี้ตามชาร์ล็อตต์และบ็อบ หรือจะไปทำตัวเป็นบ็อบร้องคาราโอเกะเพลง More Than This ก็ได้

Shibuya Crossing หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อห้าแยกชิบูย่า

ย่านที่สุดแสนจะพลุกพล่านของชิบูย่า เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลา ทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวที่ต้องอยากมาข้ามทางม้าลายอันลือลั่นที่นี่ สำหรับๆ แฟน Lost in Translation ก็อย่าลืมไปลองกระทำความชาร์ล็อตต์ข้ามทางม้าลายและถ่ายรูปให้พื้นหลังเป็นตึก Tsutaya ให้เหมือนกับใบปิดของหนัง (ถึงจะไม่มีรูปไดโนเสาร์ก็ตาม)

Shabu Zen สาขาชิบูย่า

ร้านชาบูสุกี้ยากี้ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรม Creston เมื่อเดินเข้ามาในร้าน จะพบกับป้ายเล็กๆ ภาษาญี่ปุ่นที่บ่งบอกว่า สถานที่นี้เคยถ่ายภาพยนตร์ Lost in Translation มาก่อน และถ้าหากโชคดี คุณสามารถขอทางร้านเพื่อนั่งโต๊ะเดียวกับบ๊อบและชาร์ล็อตต์ได้เลย โดยทางร้านอาหารมีให้เลือกทั้งแบบบุฟเฟต์และ a le carte และสามารถเช็กราคาได้ที่เว็บไซต์ของทางร้านได้ ทั้งนี้คุณอาจจะไม่จำเป็นต้อง cook your own food แบบที่บ็อบพูดในหนัง และเลือกให้พนักงานเสิร์ฟทำอาหารให้คุณเลย

Karaoke Kan สาขาชิบูย่า 

ถ้าค้นหา Karaoke Ken ในย่านชิบูย่าก็จะพบว่ามีหลายสาขาให้คุณเลือกไป แต่ถ้าหากต้องการไปยังร้านคาราโอเกะที่ถ่าย Lost in Translation นั้น จะต้องไปสาขาตรงข้ามห้างสรรพสินค้า Chitose Kaikan เท่านั้น (แผนที่) แต่สำหรับห้องที่ใช้ถ่ายหนัง (ห้อง 601 จะเป็นห้องที่มีหน้าต่างมองเห็นภายนอกแบบในหนัง แต่ในบ็อบเดินออกมาจากห้อง 602 แทน) ทางร้านได้แจ้งว่าห้องนั้นปิดแล้ว และไม่ทราบว่าเปิดอีกครั้งคือเมื่อไหร่กันแน่ (อัปเดต 26 กรกฎาคม 2023) แต่คุณอาจจะลองถามดูว่ายังมีห้องในชั้นเดียวกันนั้นเปิดให้บริการหรือไม่ และถือโอกาสไปถ่ายรูปเลียนแบบฉากสุดไอคอนนิคของหนังแทนก็ได้

นอกจากสถานที่ในโตเกียวแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเดินทางไปถ่ายทำที่เกียวโตอีกด้วย เรียกได้ว่า ถ้าหากใครวางแผนตามรอยหนังครบรอบ 20 ปี ของ Lost in Translation แล้วล่ะก็ อย่าลืมเดินทางไปเก็บภาพที่เกียวโตกันด้วยล่ะ บอกเลยว่าเที่ยวโตเกียวจบแล้ว ต้องวนกลับมาดูหนังอีกรอบแน่นอน

Previous

Rookie ผลงานเควียร์เรื่องใหม่จากผู้กำกับ Samantha Lee ชาวฟิลิปปินส์ ฉายแล้วทาง Prime Video

พบกับ Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem ผลงานโดยเซธ โรเกน 24 สิงหาคม ในโรงภาพยนตร์

Next