[Exclusive Interview] corner club คู่หูดูโอ้นักแต่งเพลงที่มาพร้อมกับท่วงทำนองที่จับใจ

| | ,

หากคุณกำลังมองหาเพลงใหม่ฟังเพลินจากศิลปินที่รอการค้นพบ หรือเพลงที่โอบกอดคุณในวันที่เหนื่อยล้า ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ corner club คู่หูดูโอ้นักแต่งเพลงอินดี้-ป็อปที่มาพร้อมกับท่วงทำนองที่จับใจและแตกต่าง ซึ่งล่าสุดได้พาซิงเกิ้ลที่สองอย่าง ‘Manhattanhenge’ จากอัลบั้ม EP ‘in the rareview mirror’ ขึ้นสู่ท็อปชาร์ต Thailand Viral 50 ของ Spotify เป็นที่เรียบร้อย

ก่อนต้องมนต์แห่งเสียงเพลงจากผลงานอัลบั้ม EP ล่าสุดอย่าง ‘no refunds’ ที่เพิ่งปล่อยเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา The Noize Team ชวนทุกคนมารู้จัก corner club ให้มากขึ้นด้วยบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ The Noize Magazine เท่านั้น

corner club - no refunds (Official Lyric Video)

TNM: แนะนำตัวกันสักนิดสำหรับผู้อ่านที่ยังไม่รู้จักกับ corner club

Sav: corner club คือศิลปินดูโอ้ที่ประกอบไปด้วย Sav (ฉันเอง) และ Mike! เราทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ช่วยกันเขียนเพลง โปรดิวซ์เพลง เรียกได้ว่าทำทุกอย่างด้วยกัน แนวเพลงที่ออกมาก็เลยผสมผสานไปด้วยประสบการณ์ส่วนตัวและสิ่งที่แต่ละคนฟัง ดนตรีของพวกเราก็เลยมีตั้งแต่อินดี้ ป๊อป โฟล์ค ไปจนถึงพวกดนตรีแนวทดลอง ซึ่งจะมีความเพ้อฝันและเป็นอารมณ์ที่กลั่นออกมาจากใจ ทั้งยัง ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตของพวกเรา ความเป็นดนตรีคลาสสิค สรรพเสียงจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว รวมทั้งนำเอาสิ่งที่เราประทับใจจากแนวเพลงรูปแบบต่างๆ มาผสมผสานให้เกิดเป็นเพลงที่พวกเราอยากให้มันมีอยู่บนโลกใบนี้

TNM: แล้วทั้งคู่เจอกันได้ยังไง

Mike: จริงๆ พวกเราเจอกันในกลุ่มร้องอะแคปเปล่าชื่อว่า VTone สมัยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันจนกระทั่งกลายเป็น music director ดูแลผลงานเพลงของกลุ่มด้วยกัน แล้วก็เริ่มที่จะร้องคัฟเวอร์เพลงภาษาจีนไปรอบๆ มหาวิทยาลัยเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มร้องให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แต่เราสองคนมาร่วมทำงานด้วยกันในฐานะ corner club จริงๆ จังๆ เพื่อเขียนเพลงของตัวเองหลังจากเรียนจบแล้ว 

TNM: หลังจากอัลบั้ม EP แรก little love lullabies ในปี 2021 ตามด้วย in the rearview mirror ในปี 2023 และผลงานล่าสุดที่เพิ่งปล่อยอย่าง no refunds อะไรเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับอัลบั้ม EP นี้ 

Mike: ในทุกๆ อัลบั้ม EP ที่พวกเราทำ เป็นเหมือนการสร้างแคปซูลกาลเวลาที่บันทึกเรื่องราวไว้ ใน ‘no refunds’ จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราอยากทดลองทำอะไรใหม่ๆ มีหลากหลายอย่างที่เราอยากค้นหาให้มากขึ้นในปีนี้ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะสนุกไปกับมันและรวบรวมเข้าไว้ด้วยกัน

ในอีกแง่ มันคือการที่เราได้ค้นพบว่าพวกเราต้องเรียนรู้อย่างหนักในหลายๆ ทางเพื่อรังสรรค์เพลงเพลงหนึ่งขึ้นมา แทนที่จะใส่สิ่งที่อยากทำไปอย่างละนิดละหน่อยไปในทุกเพลงเพียงแค่ผิวเผิน มันเป็นวิธีที่สนุกนะ เพราะในท้ายที่สุด เราได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นบทเพลงสำหรับทุกคน แต่ยังมีกลิ่นอายของความเป็น corner club อยู่ในนั้น

TNM: แรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มนี้มาจากไหน แล้วคุณใช้เวลาเท่าไหร่ในการทำอัลบั้ม EP นี้

Sav: สิ่งที่อยู่รอบตัวเราคือแหล่งก่อเกิดแรงบันดาลใจชั้นดีกับสิ่งที่เราจะเขียนลงในบทเพลง ก่อนหน้านี้มีคนถามว่าการที่ย้ายไปแคลิฟอร์เนียมีผลกับดนตรีที่เราทำไหม มันทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นได้ว่าการเขียนเพลงหลายๆ เพลงคงเป็นไปได้ยากถ้าเรายังอยู่ที่เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก โดยเฉพาะเพลง clementines ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการวิ่งไปในพื้นที่ที่โอบล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่มากมาย 

พวกเราเริ่มทำอัลบั้ม EP นี้ราวต้นปี 2024 แล้วก็ใช้เวลาประมาณครึ่งปีในการรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน

corner club - clementines (Official Lyric Video)
corner club - donut hole (Official Lyric Video)

TNM: มีเพลงไหน หรือเนื้อเพลงไหนที่เป็นเนื้อเพลงโปรดของคุณในอัลบั้ม EP นี้ เพราะเหตุใด 

Sav: สำหรับฉันคือท่อน “Clementines, like razors in the sun” ซึ่งเป็นท่อนเปิดของเพลง clementines ตอนเด็กฉันมีสกูตเตอร์ยี่ห้อ Razor ที่มักจะใช้ขี่ไปในละแวกบ้าน มันเป็นสิ่งที่ทำให้กิจกรรมช่วงฤดูร้อนของฉันสดใสขึ้น ซึ่งเพลงนี้ก็เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์วัยเด็กนี่แหละ 

Mike: “Turn me into a donut, bite my ear off, and spit it out” จากเพลง donut hole คงจะเป็นเนื้อร้องโปรดของผม เนื้อความในท่อนนี้ทำให้คนฟังเห็นภาพได้ชัดๆ แถมยังมองให้เป็นการเปรียบเทียบอุปมาอุปมัยได้อีก ผมรีเลทกับมันชนิดที่ไม่สามารถบอกได้จริงๆ ว่าทำไม

TNM: เป้าหมายทางอาชีพของการเป็นศิลปินของคุณในอีก 5 ปีข้างหน้าคืออะไร

Sav: ไมค์กับฉันเริ่มเข้าคลาสร้องเพลงจริงจังกันปีนี้ ซึ่งมันเปลี่ยนชีวิตเลย พวกเราเรียนรู้วิธีที่จะพัฒนาการร้องให้ดียิ่งขึ้น ทั้งเทคนิคการออกเสียง การเพิ่มพลังเสียงหรือการขับร้องให้สมดุล ฉันตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้ลองร้องเพลงแนวใหม่ๆ อย่าง R&B แล้วก็ขยายเรนจ์เสียงของตัวเอง ช่วงเวลา 5 ปีนับว่าเยอะมากที่จะทดลองเรียนรู้และดูว่าเราจะทำอะไรกันได้บ้างกับทักษะการร้องที่เพิ่มขึ้น

TNM: ใครคือศิลปินคนโปรดของคุณที่ฟังอยู่ในช่วงนี้

Sav: Olivia Dean กับ Amie Blu

Mike: Mustafa, Gracie Abrams, Stevie Bull พวกเขาต่างนำเสนอตัวตนของตัวเองในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร แล้วมันก็มีความรู้สึกร่วมของผมรวมอยู่ในบทเพลงของพวกเขา

TNM: ความประทับใจไม่รู้ลืมในฐานะศิลปิน

Mike: ตลอดเวลาที่พวกเราได้พบกับแฟนๆ เป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากๆ มันเป็นอะไรที่สุดยอดที่ได้ฟังเรื่องราวที่พวกเขาเจองานเพลงของr;dgik หรือการบอกเล่าถึงความสำคัญของเพลงว่ามีความหมายกับพวกเขาแค่ไหน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเราถึงรักที่จะทำเพลงออกมา

TNM: ถ้าเกิดคุณสามารถเลือกภาพยนตร์หรือผู้กำกับสักคนหนึ่งที่คุณสามารถร่วมงานเพื่อทำเพลงประกอบให้ได้ คนๆ นั้นจะเป็นใคร หรือแนวภาพยนตร์ไหนที่คุณอยากจะร่วมงานด้วย

Mike: ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา มีการนำเสนอภาพตัวแทนของชาวเอเชียเชื้อสายอเมริกันมากขึ้นในแวดวงฮอลลีวูด ดังนั้นแล้ว พวกเราก็อยากที่จะทุ่มเททำซาวด์แทร็ก เพลงประกอบให้กับโปรเจ็กต์ที่เกี่ยวข้องชาวเอเชียเชื้อสายอเมริกัน ไม่ว่าจะมีประเด็นเรื่องเชื้อชาติเป็นใจความหลักของเรื่องหรือไม่ก็ตาม

ปีที่แล้วผมมีโอกาสไปเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ครั้งแรก แล้วก็ได้ชมผลงานเรื่อง Dídi ของ Sean Wang เป็นประสบการณ์รับชมภาพยนตร์ที่สุดยอดมาก จะเห็นได้ว่าในวงการบันเทิงเต็มไปด้วยชาวเอเชียเชื้อสายอเมริกันมากมาย ซึ่งจะเป็นเกียรติอย่างมากถ้าพวกเราได้มีโอกาสร่วมงานกับคนเหล่านี้ 

TNM: คำแนะนำสุดเจ๋งที่พวกคุณได้รับในปีนี้

Sav: มันอาจจะไม่ได้ใหม่สำหรับปีนี้ แต่สำหรับทุกๆ ปีเลย ผมย้อนกลับไปฟังวิดีโอของ John Mayer ที่เคยฟังบน YouTube เมื่อนานมาแล้ว เขาพูดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการทำการตลาดของตัวเองจากการผลิตผลงานที่ดีออกมา มันคือสิ่งที่ผมยึดถือและเป็นแก่นในการทำงานของพวกเราทั้งคู่ แม้ว่าบ่อยครั้งที่จะเผลอลืมมันไปได้ง่ายๆ แต่นี่คือสิ่งที่สำคัญมากๆ ซึ่งต้องคอยย้ำเตือนทุกครั้งเมื่อพวกเราทำเพลง

TNM: สุดท้ายแล้ว มีอะไรที่อยากจะฝากบอกแฟนเพลงชาวไทยบ้างมั้ย รวมไปถึงสิ่งที่คุณตั้งตารอ ลอง และอยากลองทานอะไรบ้าง เมื่อมีโอกาสมาเยือนประเทศไทย

Sav: สวัสดีค่า ขอบคุณแฟนเพลงชาวไทยมากๆ ที่ฟังเพลงของพวกเรานะ 🙂 

สิ่งที่เราคาดหวังก็คืออาหารไทย ทุกๆ อย่างเลย เราสองคนรักอาหารไทยมาก ถ้ามีโอกาสได้ไปเยือนเมืองไทยก็อยากที่จะลองกินทุกเมนูเท่าที่สามารถกินได้เลย

Mike: อาหารไทยคือหนึ่งในบรรดาอาหารที่ผมโปรดปราน เพราะงั้น ผมจะเตรียมตัวน้ำหนักขึ้นเลยล่ะ 

สำหรับแฟนๆ ชาวไทย ขอบคุณพวกคุณมากที่ฟังเพลงของพวกเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันเจ๋งสุดๆ ที่พวกเรามีแฟนเพลงที่อาศัยอยู่ตั้งไกล ชนิดต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไป แต่เพราะพลังของอินเตอร์เน็ตที่นำพาให้พวกเรามาเจอกัน 

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราเองก็ไม่เคยคาดฝันเลยว่าเพลงของ corner club จะติด Thailand Viral 50 ของ Spotify ทุกคนช่วยกันทำให้มันเกิดขึ้นจริง ขอบคุณนะครับ

corner club - i don't wanna die just yet (Official Lyric Video)

สตรีมอัลบั้ม EP ‘no refunds’ ของ corner club ได้เลยที่นี่ https://stream.cornerclubofficial.com/no-refunds-ep.OYD

ขอขอบคุณทาง Secret Signals สำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์

Previous

[Exclusive Interview] corner club, journey of the EP, inspirations and their best experiences about being a musician.

การเดินทางครั้งสุดท้ายของ Arcane season 2  ผ่านบทเพลงจากศิลปินชั้นนำทั่วโลกที่เขียนขึ้นใหม่เพื่อประกอบซีรีส์โดยเฉพาะ

Next