The Wheel of Time ซีรีส์แฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ กับภาพตัวแทนความเควียร์ในโลกที่ไร้ซึ่งการเหยียดคนรักเพศเดียวกัน

| | ,

บทความนี้มีการพูดถึงซีรีส์ The Wheel of Time ในซีซั่นล่าสุด และเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตที่หยิบยกมาจากหนังสือ ผู้อ่านที่ยังไม่ได้ติดตามซีรีส์จนถึงซีซั่นปัจจุบันโปรดระวังเสียอรรถรส

เป็นเรื่องยากเหลือเกินในปัจจุบันที่เราจะมีโอกาสได้รับชมซีรีส์แฟนตาซีสุดตระการตาจากการสร้างโลกและระบบเวทมนตร์แสนยิ่งใหญ่ที่มีตัวละครเควียร์และตัวละครผู้หญิงสุดแกร่งเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีรีส์บนสตรีมมิ่ง ซึ่งมียอดการแคนเซิลซีรีส์ที่มีตัวละครเควียร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ The Wheel of Time คือหนึ่งในผลงานที่ยืนอยู่ได้มาจนถึงซีซั่น 3 และแฟนๆ ยังคงภาวนาให้สตรีมมิ่งอย่าง Prime Video อนุมัติให้ได้ไปต่อในซีซั่นถัดๆ ไป

The Wheel of Time ซีรีส์ไฮแฟนตาซีที่เล่าเรื่องราวของ มอเรน สมาชิกแห่งอายเซได กลุ่มหญิงสาวผู้มากด้วยพลังวิเศษที่สามารถสัมผัสถึง One Power ได้ พร้อมด้วย ลาน ผู้พิทักษ์ ซึ่งมอเรนออกเดินทางเพื่อตามกลุ่มเด็กห้าคนที่ว่ากันว่าเป็นมังกรมาจุติ (The Dragon Reborn) บุคคลที่คำพยากรณ์โบราณทำนายว่าจะเป็นผู้กอบกู้ หรือไม่ก็ทำลายโลกให้สูญสลาย ในสงครามครั้งนี้ มังกรจุติ ต้องปกป้องและต่อกรกับพลังที่แผ่ขยายและความบ้าคลั่งของเจ้าอนธการ (The Dark One)

The Wheel of Time ซีซั่น 3 - ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ | Prime Thailand

ทั้งนี้ ทางโชว์รันเนอร์อย่าง Rafe Judkins ได้คอนเฟิร์มแล้วว่าซีรีส์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความเควียร์ที่ไหลเวียนอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เช่นเดียวกับกระแสเวลาที่ซีรีส์ได้เล่าเรื่องราวเหล่านั้น โดยถ่ายทอดภาพตัวแทนความเป็นเควียร์ให้เห็นตั้งแต่ซีซั่นแรก รวมทั้งแสดงให้เห็นภาพคนชายขอบจากเชื้อชาติ รูปร่างภายนอกและสีผิวที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่องจนถึงซีซั่นล่าสุด 

แน่นอนว่า Queer Representation หรือ การนำเสนอภาพตัวแทนของเควียร์ ถือเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน เพราะสังคมโลกได้มีการเรียนรู้และทำความเข้าใจอยู่ตลอด เมื่อมีการนำเสนอตัวตนของเควียร์ผ่านสื่อ ยิ่งช่วยให้สังคมได้ทำความเข้าใจให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาของคนในสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย และเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้ชมอีกด้วย

โชว์รันเนอร์อย่างราฟยังได้เปิดเผยกับ Omnivorous เกี่ยวกับภาพแทนตัวของเควียร์เพิ่มเติมว่าประเด็นนี้นับเป็นเรื่องสำคัญ “ในฐานะที่รักงานแฟนตาซีแต่ก็ตระหนักว่าตัวเองเป็นเควียร์ มีหนังสือไม่กี่เรื่องที่ผมชอบแล้วเห็นตัวเองอยู่ในนั้น The Wheel of Time เป็นเล่มแรกที่ได้อ่านแล้วก็เห็นตัวเองอยู่ในหนังสือเล่มนี้ แล้วผมก็คิดว่า ‘ฉันอาจจะอยู่ในนั้น รู้สึกเหมือนว่ามีคนแบบฉันอยู่ในหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน’ มันอาจจะเป็นแค่เพียงซัพเท็กซ์บางอย่างที่ถูกซ่อนอยู่ในนั้น เพราะบางครั้งสิ่งที่คุณเห็นในเรื่องอย่าง first-sisters หรือเพื่อนร่วมเตียงเคียงหมอน (pillow friends) แล้วก็ความสัมพันธ์อื่นๆ มันเป็นส่วนสำคัญของหนังสือชุดนี้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของมอเรนและสวอนมีความสำคัญต่อโครงเรื่องและเรื่องราวของทั้งคู่” 

เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter เกี่ยวกับหนังสือชุดนี้เอาไว้ด้วยว่าพ่อของตัวเองอ่านหนังสือแฟนตาซีให้เขาและพี่ชายฟัง ไม่ว่าจะเป็น The Lord of the Rings และ The Hobbit แต่ก็ทำให้เขานอนฝันราย จนกระทั่งอ่านเรื่อง The Wheel of Time ร่วมกันกับแม่ “ผมกับแม่เติบโตมาในลัทธิมอร์มอน แล้วแม่ก็เป็นเฟมินิสต์ที่พยายามหาวิธีต่อสู้กับสิ่งที่กดทับตัวเองจากลัทธินั้นๆ ขณะเดียวกัน ผมก็กำลังยอมรับความจริงที่ว่าผมเป็นเกย์ เพราะงั้น ตอนที่พวกเราอ่านหนังสือชุดนี้ เราต่างได้เห็นตัวเองในหนังสือ สำหรับผมนะ มันแตกต่างจากสิ่งที่ผมเคยเห็นมาก่อนในงานแฟนตาซีอื่นๆด้วย”

ราฟเสริมต่อว่าเนื้อหาในหนังสือมีการสอดแทรกเรื่องราวความเป็นอื่นเหล่านั้นเอาไว้อย่างแยบยล “ผู้หญิงในเรื่องมักจะเป็นเพื่อนร่วมเตียงเคียงหมอนกัน พวกเขาไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ แต่ทุกอย่างอยู่ในนั้น เพราะงั้น เมื่อคุณได้อ่านมัน คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ตะโกนบอกว่า นี่เป็นเรื่องราวของเควียร์ ตัวละครเหล่านี้เป็นเควียร์ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับนิยายแฟนตาซีเรื่องอื่นที่ผมได้เคยอ่านมา” 

นอกจากนี้ ยังเสริมต่อด้วยว่า การค้นหาสิ่งเหล่านี้ในซีรีส์ยุคปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ “ผมรู้สึกว่าหน้าที่ของพวกเราในฐานะศิลปินที่หยิบเรื่องราวเหล่านี้มาดัดแปลง คือการทำให้สิ่งนั้นมีชีวิตขึ้นมา ไม่ใช่เพียงแค่ถ่ายทอดเนื้อความคำต่อคำจากในหนังสือเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้บริบทนั้นมีชีวิตขึ้นมาด้วย อย่างบริบทของหนังสือชุดนี้ ในยุค 90 มันแตกต่างอย่างมากกับการอ่านหนังสือในปัจจุบัน ผมอยากที่จะใส่สิ่งนั้นลงไปในซีรีส์ และหวังที่จะทำให้คนที่ไม่เคยเห็นภาพแทนตัวเองในซีรีส์แฟนตาซีอื่นๆ ได้เห็นตัวเองผ่านซีรีส์ The Wheel of Time”

When Have We Ever Followed The Rules? | The Wheel of Time | Prime Video

ในหนังสือ New Spring หนังสือภาคก่อนหน้าที่จะเล่าเรื่องราวจากจักรวาล The Wheel of Time ของ Robert Jordan ที่เล่าเรื่องราวของมอเรนและสวอนในช่วงที่เป็นเด็กฝึกหัดในหอคอยขาว และพูดถึงความสัมพันธ์ที่ทั้ง Siuan Sanche และ Moiraine Damodred ในวัยรุ่นต่างแข่งขันกันเพื่อให้ตัวเองเป็นผู้เก่งกาจในการเรียนด้านต่างๆ กระทั่งกลายมาเป็นเพื่อนร่วมเตียงเคียงหมอน แบ่งปันช่วงเวลาที่ดีและทุกข์ยาก ก่อนที่โชคชะตาจะนำพาให้พวกเขาพลัดพรากเพราะภารกิจออกตามหามังกรจุติที่กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง

นอกจากนี้แล้ว อายเซไดในหอคอยขาว เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยผู้หญิง และความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันของผู้หญิงในหอคอยนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากในหนังสือ ราฟอธิบายต่อว่า “เพื่อนร่วมเตียงเคียงหมอนนั้นแตกต่างจาก first-sisters แต่ทั้งสองสิ่งนั้นสามารถหมายรวมผู้หญิงสองคนที่ตกหลุมรักกันจริงๆ เข้าไปด้วยได้ ผมก็เลยคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่คุณจะได้เห็นในจักรวาล The Wheel of Time นั่นคือ ความเป็นเควียร์มีอยู่จริงท่ามกลางความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่ทุกวัฒนธรรมต่างก็มีพื้นที่สำหรับความรัก นั่นคือสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก และเราพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงสิ่งนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

แน่นอนว่าการเล่าเรื่องราวของเควียร์นั้น ต้องเริ่มจากภายในห้องนักเขียน ราฟได้บอกกับ The Hollywood Reporter ว่าพวกเขาไม่ต้องการให้มีเรื่องราวของความเกลียดชังของคนรักเพศเดียวกัน (homophobia) อยู่ในนั้น “พวกเราตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในห้องเขียนบทในซีซั่นแรกเลยว่าจะไม่มีเรื่องราวของการเกลียดชังคนรักเพศเดียวกันเลยในซีรีส์ชุดนี้” เขาเสริมต่อว่า “ผมคิดว่าผู้ชมของเราหลายคนอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น แต่ก็มีบางส่วนสังเกตเห็นและรู้สึกถึงมันได้ ว่ามันเป็นเพียงแฟนตาซี” ซึ่งเขาเองก็ได้อธิบายต่อเกี่ยวกับโลกที่จะได้เห็นในซีรีส์ว่า “พวกเราจะเดินทางไปสู่โลกที่แตกต่างจากโลกจริงของเรา พวกเราไม่ต้องการให้มีการเกลียดชังคนรักเพศเดียวกันดำรงอยู่ในโลกนั้น มันไม่มีอยู่ตั้งแต่ในหนังสือเลยก็ว่าได้ เอาจริงๆ แทบไม่มีใครเคยออกมาวิจารณ์ความสัมพันธ์ของคนรักเพศเดียวกันในหนังสือเลย”

สำหรับความสัมพันธ์ของมอเรนและสวอนนั้น ราฟได้เผยว่าภายในห้องนักเขียนมีทีมงานที่หลงใหลในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ โดยเฉพาะ Justine Gilmer “เขาเป็นมือขวาของผมและของรายการนี้ สำหรับผมแล้ว สิ่งที่สำคัญคือมันต้องไม่ใช่แค่การเขียนเรื่องราวในแบบของผมเอง แต่ก็ควรให้เสียงอื่นๆ ทั้งจากเควียร์และคนที่ไม่ใช่เควียร์เข้ามามีส่วนร่วมด้วย แล้วเราทุกคนก็ทำแบบนั้น รวมไปถึง Sophie Okonedo และ Rosamund Pike ที่รับบทเป็นตัวละครทั้งสอง และพวกเขาก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ว่าอะไรที่สำคัญสำหรับพวกเขา” 

ราฟเสริมต่อว่า “หนึ่งสิ่งที่พวกเขาพูดถึงในตอนท้ายของซีซั่นแรกคือ ‘ทั้งมอเรนและสวอนเป็นผู้หญิงที่ทรงพลังมาก พวกเขามีแรงผลักดันอย่างแรงกล้าที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ มันน่าสนใจที่จะได้เห็นทั้งสองคนขัดแย้งกัน’ นั่นคือสิ่งที่โรซามุนด์และโซฟีสนใจ แล้วเมื่อเรามองไปยังซีซั่นสอง พวกเราคิดว่า ‘เราจะหาคนสองคนที่เป็นผู้หญิงที่รักกัน แต่ก็มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันในแง่ของสิ่งที่พวกเขาต้องการจากโลกที่อยู่รอบตัวพวกเขาได้อย่างไรบ้าง’ เพราะงั้น ผมเลยคิดว่าการค้นหา layers ของความสัมพันธ์จะทำให้พวกเขารู้สึกดูสมจริงมากที่สุด”

Moiraine | The Wheel of Time | Prime Video

นอกจากตัวของโชว์รันเนอร์แล้ว Rosamund Pike ในฐานะของหนึ่งใน executive producer และนักแสดงหลักของซีรีส์ชุดนี้ ที่รับบทเป็น Moiraine Sedai ก็ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างมอเรนและสวอนเอาไว้ในซีซั่นแรกที่ได้พูดคุยกับ Out เอาไว้ว่า “มันคือรักต้องห้าม สิ่งที่ไม่สามารถพูดออกมาได้” ซึ่งความรักต้องห้ามในจักรวาล The Wheel of Time ไม่ได้เกิดจากที่ทั้งคู่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่เป็นเพราะว่า “มอเรนอยู่ในความสัมพันธ์กับ Amyrlin Seat ที่เปรียบเสมือนผู้นำสูงสุด ซึ่งต้องแบกรับภาระอันใหญ่หลวง รักต้องห้ามที่ไม่ใช่เพราะว่ามอเรนอยู่ในความสัมพันธ์กับผู้หญิงด้วยกัน”

ราฟบอกกับ THR ถึงเรื่องราวระหว่างมอเรนและสวอนว่า “สำหรับผมนะ ซีรีส์จะไม่มีความสมเหตุสมผลเลย ถ้าหากไม่มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างมอเรนและสวอน เพราะพวกเราเจาะลึกเรื่องราวองมอเรนมากกว่าในหนังสืออย่างแน่นอน” นอกจากนี้ ยังเสริมต่อด้วยว่า “ผมไม่เคยดูซีรีส์แฟนตาซีที่ตัวเอกของเราเป็นเควียร์ แล้วก็ไม่ได้มุ่งเป้าไปถึงแค่ผู้ชมในชุมชนเควียร์เท่านั้น การที่มีตัวละครมอเรนเป็นส่วนสำคัญที่ผมอยากเล่าเรื่องนี้ และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมหลงรักหนังสือเรื่องนี้ตั้งแต่แรก”

ในซีซั่น 3 ตอนที่ 5 มอเรนและสวอนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ในความฝันที่เอเกว็นพามอเรนไปพบกับคนรักของเธอ ราฟได้เปิดเผยถึงข้อความที่สุดแสนจะเจ็บปวดหัวใจ แม้ว่าทั้งสองคนจะรักกันอยู่ แต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไปในชีวิตนี้ “มอเรนเป็นตัวละครที่เคร่งครัดมากๆ ชอบควบคุมคนอื่น และมีระเบียบวินัยในหลายๆ ด้าน และในซีซั่นนี้ สิ่งหนึ่งที่มอเรนจะต้องละทิ้งคือการควบคุม ซึ่งหมายความถึงความสัมพันธ์ของเธอและแรนด์ รวมถึงการดำรงอยู่ในรูปแบบที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธออาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”

“เราคุยกันถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในซีซั่นสามเกี่ยวกับมอเรนขณะที่ได้พบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรูเดียน (Rhuidean) และตอนนี้เธอก็ต้องรับมือกับผลที่ตามมา ผมคิดว่าสิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับบทสนทนาในตอนที่ 5 ที่ Àjé Ibironke และ Justine Gilmer (ทั้งคู่เป็นนักเขียนบทให้กับซีรีส์ชุดนี้) คุยกันก็คือ ตัวละครตัวนี้ต้องการพูดว่า ‘คุณทำในสิ่งที่ฉันให้อภัยไม่ได้’ และในขณะเดียวกัน เธอก็ตระหนักได้ว่า ‘ให้ตายเถอะ แต่ฉันยังคงรักคุณอยู่เสมอ ฉันไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลยจริงๆ'” 

“พวกเราคุยกันเยอะมากนะว่าจะให้ฉากนั้นจบยังไง จะจบลงด้วยการจูบหรือไม่จูบในตอนท้ายเรื่อง พวกเราพูดคุยกับโซฟีและโรซามุนด์นะ เพราะว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับตัวละครของตัวเองเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้ว มอเรนก็ต้องยอมรับว่าเธอไม่สามารถควบคุมโลกทั้งใบที่รายล้อมรอบตัวเธอได้ เหมือนอย่างในตอนท้ายของตอนที่ 5 ที่เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์อันท่วมท้นของตัวเองได้ แต่กลับพูดว่า ‘ฉันรักคุณ’ และจูบคนที่เธอรัก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอคิดว่าตัวเองจะไม่ทำนั่นเอง”

Moiraine and Siuan Reunite In Her Dream | The Wheel Of Time S3 | Prime Video

ยิ่งไปกว่านั้น การนำเสนอตัวละครเควียร์หรือความสัมพันธ์ของเควียร์ผ่านซีรีส์นั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะ “สำหรับผมเอง จะรู้สึกประหม่าเมื่อมีความสัมพันธ์ของเควียร์แค่คู่เดียว หรือมีตัวละครเควียร์เพียงแค่คนเดียวในซีรีส์ สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดคือ การที่ซีรีส์ของพวกเรามีตัวละครเควียร์มากมาย เพราะมันทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ในจักรวาลนี้ และดำรงอยู่ในเรื่องราวของตัวเองโดยไม่ต้องแบกรับประสบการณ์เควียร์ทั้งหมดบนโลกจริงในซีรีส์ด้วย ผมคิดว่าการที่มีตัวละครเควียร์มากขึ้นทำให้พวกเขาดูไม่ซ้ำซากจำเจ พวกเขาสามารถรักกันได้จริงๆ ผมคิดว่าการค้นพบสิ่งเหล่านี้สำหรับพวกเขาจะง่ายขึ้น เมื่อคุณปล่อยให้ตัวละครเป็นผู้นำเรื่องราว และไม่รู้สึกว่าคุณต้องแบกรับภาระที่พวกเขาต้องส่งมอบให้กับชุมชนเควียร์ของพวกเขาทั้งหมด”

“สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่ามันน่าทึ่งมากๆ คือตอนที่อ่าน The Wheel of TIme แล้วพบว่าความเควียร์มันมีอยู่จริง และมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลกของเราด้วยเช่นกัน” โชว์รันเนอร์ได้บอกกับ Omnivorous “และเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากที่ได้เห็นจักรวาลนี้ ในซีซั่น 3 ที่เราจะไปเยือน Aiel Waste ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่มีบทบาทสำคัญฃอย่างมากในหนังสือชุดนี้และในซีรีส์ด้วย พวกเขามีแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า First-sisters ที่หมายถึง ผู้หญิงสองคนที่แต่งงานกันก่อน และเป็นสายสัมพันธ์หลักในชีวิตของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นในเชิงโรแมนติกหรือ platonic หรือเป็นทั้งสองอย่างก็ได้เช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้มีอยู่ในหนังสือด้วย ดังนั้นแล้ว ในซีซั่น 3 จะได้เห็น first-sisters อย่างเป็นทางการสองคู่ และ first-sisters ที่กำลังจะก่อตัวขึ้นในซีซั่น 3 อีกด้วย” เขาเสริมว่า “แค่วัฒนธรรมของชาวไอเอลอย่างเดียว เราก็ได้เห็นความหลากหลายทางเพศในหลายเวอร์ชั่นของจักรวาลนี้แล้ว”

สำหรับซีรีส์ในซีซั่นสาม ไม่ใช่แค่เพียงความสัมพันธ์ระหว่างสวอนและมอเรนเท่านั้น แต่ซีรีส์ยังเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวชาวไอเอลอย่าง Aviendha กับ Elayne Trakand ธิดารัชทายาทแห่งอาณาจักร Andor ซึ่งโชว์รันเนอร์ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่า “ความสัมพันธ์ของพวกเขาเกิดขึ้นในหลายๆ มิติ แม้แต่ในหนังสือที่ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นสำคัญพอๆ กับความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่อ Rand al’Thor เพราะงั้น ผมเห็นความเควียร์ ผมเห็นตัวเองในนั้น แล้วก็รู้สึกแบบนั้นในซีรีส์ด้วยเหมือนกัน ผมอยากที่จะให้ผู้ชมสามารถมองเห็นตัวเองได้ แม้ว่ามันจะผ่านมากว่า 30 ปีตั้งแต่ที่หนังสือชุดนี้ปล่อยออกมา แต่ก็ยังไม่มีผลงานมหากาพย์แฟนตาซีบนทีวีที่มีเรื่องความของคนรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องหลักแล้วก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาเลย”

ทางฟากของนักแสดงผู้รับบท Aviendha อย่าง Ayoola Smart ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ Screen Rant ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของเธอกับเอเลย์น เอาไว้ว่า “มิตรภาพและความสัมพันธ์ของพวกเขาในหนังสือมันมีความลึกซึ้งมาก จนรู้สึกเหมือนทุกอย่างรวมอยู่ในนั้นแล้ว” แน่นอนว่าสำหรับนักอ่านหลายคนอาจจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างจากหนังสือ โดยเฉพาะฉากจูบของอาวีเอนด้าและเอเลย์นที่เกิดขึ้นในซีซั่น 3

นอกจากนี้แล้ว Ceara Coveney ผู้รับบทเป็น Elayne ยังเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนนักแสดงได้บอกเอาไว้ว่า “ทั้งสองตัวละครมีความเชื่อมโยงกัน แล้วก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่สามารถเปิดเผยชีวิตรักของพวกเขาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ในซีซั่นนี้ เป็นมิติของตัวละครทั้งคู่ที่เราไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย” เธอเสริมต่อว่า “ช่วงเวลาที่พวกเขาได้สานสัมพันธ์กันช่างวิเศษมาก มันจะเป็นการปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ดี และหวังว่าผู้ชมจะรอติดตามความงอกงามที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต”

Aviendha and Elayne's First Kiss | The Wheel of Time Season 3 | Prime Video

เนื่องจากในหนังสือของโรเบิร์ต จอร์แดน ทั้งเอวีเอนด้าและเอเลย์นต่างมีความสัมพันธ์ในเชิงโรแมนติกแต่กับแรนด์ อัลธอร์ แม้ว่าพวกเขาจะเป็น polycule ก็ตาม (polycule หมายถึง เครือข่ายโรแมนติก หรือกลุ่มย่อยของความสัมพันธ์ภายในเครือข่ายนั้น  สมาชิกแต่ละคนจะมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด คล้ายกับรูปแบบของโมเลกุล) แต่ความรักระหว่างอาวีเอด้ากับเอเลย์นกลับไม่ถูกบรรยายเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งอโยลาได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ในครั้งนี้ว่าจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของตัวละครที่เธอเล่นกับแรนด์หรือไม่นั้น เธอได้ให้ความเห็นว่า “ฉันคิดว่าการก้าวข้ามเส้นแบ่งที่ชัดเจนของอาวีเอนด้าและเอเลย์นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาที่แตกต่างจากหนังสืออย่างแน่นอน”

ความสัมพันธ์ของเอเลย์น อาวีเอนด้า และแรนด์ ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ราฟได้พูดคุยกับ THR ด้วยว่า “ความสัมพันธ์ของแรนด์ที่ในท้ายที่สุดแล้วก็จะอยู่ในความสัมพันธ์กับทั้งเอเลย์นและอาวีเอนด้า มันเป็นความสัมพันธ์ที่จริงจัง แต่บ้างทีมันก็บ้ามากๆ ที่คนอ่านจำสิ่งนี้เกี่ยวกับหนังสือได้ แต่พวกเขาจำไม่ได้ว่ามีคนผิวดำในหนังสือ แม้ว่าจะมีการอธิบายเอาไว้อย่างชัดเจนก็ด้วย แล้วพวกเขาก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเอเลย์นและอาวีเอนด้าใช้เวลาร่วมกันมากกว่าที่ใช้กับแรนด์ประมาณ 10-20 เท่าในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามคนในหนังสือ พวกเขาแต่งงานกัน แล้วอาวีเอนด้าก็พูดถึงการที่เธอประคองเอเลย์นไว้ในอ้อมแขนยามค่ำคืน และเมื่อเธอไม่อยู่ตรงนั้น เหมือนกับว่ามีเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของเธอหายไป” เขาบอกต่อด้วยว่านี่คือสิ่งที่เควียร์เด็กๆ ได้อ่าน แล้วก็คงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนที่ไม่ได้เป็นเควียร์ ก็อาจจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ตรงนั้น “ผมคิดว่าพวกเราก็แค่หยิบสิ่งที่อยู่ในหนังสือมาแสดงบนหน้าจอให้ทุกคนได้เห็นกัน”

เรียกได้ว่าซีรีส์วงล้อแห่งเวลา ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่หยิบหนังสือที่มีการซ่อนเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน ออกมาให้เห็นเป็นภาพที่ชัดขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผ่านการเล่าเรื่องของเหล่านักเขียนทั้งหลายของซีรีส์ชุดนี้ แม้กระทั่งโชว์รันเนอร์ของเรื่องอย่าง ราฟยังได้บอกปิดท้ายสัมภาษณ์ของเขากับ Omnivorous ว่า “ซีซั่นสามของ The Wheel of Time จะเต็มไปด้วยความเควียร์ ยิ่งหนังสือเจาะลึกลงไปมากเท่าไหร่ ซีรีส์ก็ยิ่งทำแบบเดียวกันมากขึ้นเท่านั้น”

สามารถรับชม The Wheel of Time ทั้งสามซีซั่นได้ทาง Prime Video

The Wheel of Time - Previously On Seasons 1 and 2 | Prime Video

Sources:

  • https://omnivorous.substack.com/p/wheel-of-time-wednesday-special-interview
  • https://screenrant.com/the-wheel-of-time-season-3-ayoola-smart-daniel-henney-cast-interview/
  • https://www.hollywoodreporter.com/tv/tv-features/wheel-of-time-queer-universe-season-3-rafe-judkins-interview-1236173757/
  • https://www.morethantwo.com/polyglossary.html
  • https://www.out.com/television/2021/12/13/wheel-times-rosamund-pike-shows-historic-queer-romance
1, 'include' => $prevPost->ID ); $prevPost = get_posts($args); foreach ($prevPost as $post) { setup_postdata($post); ?>
Previous

1, 'include' => $nextPost->ID ); $nextPost = get_posts($args); foreach ($nextPost as $post) { setup_postdata($post); ?>

Next