Final Destination Bloodlines เริ่มสตรีมแบบเอ็กซ์คลูซีฟบน HBO Max ในวันที่ 1 สิงหาคม

| |

Final Destination Bloodlines (ไฟนอล เดสติเนชั่น ทายาทโกงตาย) ภาพยนตร์จาก New Line Cinema และ Warner Bros. Pictures จะเข้าฉายทางสตรีมมิ่งทั่วโลกบน HBO Max ในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม

ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย เคทลิน แซนต้า ฮวนนา (Kaitlyn Santa Juana), เทโอ บริโอนเนส (Teo Briones), ริชาร์ด ฮาร์มอน (Richard Harmon), โอเวน แพทริค จอยเนอร์ (Owen Patrick Joyner), แอนนา ลอร์ (Anna Lore), รยา คิลสเตดท์ (Rya Kihlstedt) พร้อมด้วย เบร็ค บาสซิงเจอร์ (Brec Bassinger) และ โทนี่ ทอดด์ (Tony Todd)

Final Destination Bloodlines - Glass BBQ TV Spot (ซับไทย)

Final Destination Bloodlines เล่าเรื่องราวของ สเตฟานี นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเพื่อตามหาคนๆ หนึ่งที่อาจจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้ นั่นก็คือไอริส คุณยายของเธอ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่รอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ ซึ่งเท่ากับคุณยายของเธอได้โกงความตายไปแล้ว 1 ครั้ง การที่คุณยายของเธอรอดชีวิตมาได้ ทำให้ตระกูลลูอิสทั้งหมดกลายเป็นเป้าหมายของ “ความตาย” โดยมีชะตากรรมที่โหดร้ายรออยู่ ทำให้สเตฟานีต้องหาวิธีช่วยครอบครัวของเธอจากความหายนะที่กำลังรอพวกเขาอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย อดัม สไตน์ (Adam Stein) และ แซ็ค ลิพอฟสกี (Zach Lipovsky) บทภาพยนตร์โดย กาย บูซิก (Guy Busick) และ ลอรี อีแวนส์ เทย์เลอร์ (Lori Evans Taylor) และเรื่องราวโดย จอน วัตต์ (Jon Watts), กาย บูซิก และ ลอรี อีแวนส์ เทย์เลอร์ ดัดแปลงจากตัวละครที่สร้างโดย เจฟฟรีย์ เรดดิค (Jeffrey Reddick) อำนวยการสร้างโดยเครก เพอร์รี่ (Craig Perry), ชีล่า ฮานาฮาน เทย์เลอร์ (Sheila Hanahan Taylor), จอน วัตต์, ไดแอนน์ แม็กกูนิเกิล (Dianne McGunigle) และ โทบี้ เอ็มเมอริช (Toby Emmerich) ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ เดวิด ซีเกล (David Siegel) และ วอร์เรน ไซด์ (Warren Zide)

สตรีม Final Destination Bloodlines บน HBO Max ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม

Final Destination Bloodlines | Official Trailer 2 (ซับไทย)
Previous

“Omniscient Reader: The Prophecy อ่านชะตาวันสิ้นโลก” รวมทีมนักพากย์เสียงไทยระดับตำนาน 31 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

Sam Smith ส่งเพลงใหม่ทรงพลัง “To Be Free” พร้อมน้ำเสียงและซาวด์ดนตรีที่คิดถึง

Next