Karate Kid Legends นำปรมาจารย์คนดังแห่งวงการศิลปะการต่อสู้จากหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่แฟนๆ รักมากที่สุดตลอดกาลมารวมตัวกันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวใหม่ที่เต็มไปด้วยแอ็กชันและหัวใจ
โคลัมเบีย พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยซันสเว็ป เอนเตอร์เทนเมนต์ Karate Kid Legends นำแสดงโดยแจ็คกี้ ชาน และราล์ฟ มัชชิโอ ร่วมแสดงโดยเบน หวัง, โจชัว แจ็คสัน, ซาดี้ สแตนลีย์และหมิง-นา เวน กำกับโดยโจนาธาน เอนท์วิสเทิล อำนวยการสร้างโดยคาเรน โรเซนเฟลท์ เขียนบทโดยร็อบ ลีเบอร์
![ตัวอย่างภาพยนตร์ Karate Kid : Legends [Official - Sub Thai]](https://www.thenoizemag.com/wp-content/plugins/wp-youtube-lyte/lyteCache.php?origThumbUrl=https%3A%2F%2Fi.ytimg.com%2Fvi%2FcrAdeQsOlPs%2F0.jpg)
คาราเต้ คิดคนใหม่ก้าวเข้าสู่สังเวียน โดยมีทีมนักสู้ในตำนานหนุนหลังเขาอยู่
ราล์ฟ มัชชิโอและแจ็คกี้ ชาน กลับมารับบทแดเนียล ลารุสโซและมิสเตอร์ฮัน ที่จะมาหล่อหลอมอัจฉริยะรุ่นจิ๋วให้กลายเป็นแชมเปี้ยน ด้วยการผสมผสานคาราเต้และกังฟูเข้าด้วยกันในการผจญภัยครั้งใหม่ที่น่าตื่นเต้นใน Karate Kid: Legends “ผมตื่นเต้นมากๆ ที่ได้นำโลกทั้งสองใบนี้มาอยู่ด้วยกัน” ผู้กำกับโจนาธาน เอนท์วิสเทิลกล่าว “เราโน้มเอียงไปทางหนังแบบเก่าที่แจ็คกี้ ชานแสดงมากกว่า ลักษณะการตัดต่อของหนังพวกนั้น อารมณ์ขัน อารมณ์และการใช้ทักษะทางกาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องราวนี้เกี่ยวกับการผสมผสานโลกทั้งสองใบเข้าด้วยกัน สองแรงผนึก หนึ่งต้นแกร่ง”
เบน หวัง (American Born Chinese) รับบท ลี ฟง นักสู้หนุ่มผู้จากบ้านเกิดในกรุงปักกิ่งมาลงเอยอยู่ในนิวยอร์ก ซิตี้ ที่ผู้คนพลุกพล่าน ในตอนที่ลีเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เดิมพันสูง เขาก็หันไปขอความช่วยเหลือจากลุงของเขา มิสเตอร์ฮัน (ชาน) และแดเนียล (มัชชิโอ) ให้ช่วยขัดเกลาทักษะการต่อสู้ของเขา ระหว่างที่เขาฝึกฝน ลีก็ได้รับความร่วมมือจากแม่ของเขา ดร.ฟง (หมิง-นา เวนจาก Mulan), ไมอา เพื่อนของเขา (ซาดี้ สแตนลีย์จาก Kim Possible) และวิคเตอร์ นักมวยที่แขวนนวมไปแล้ว (โจชัว แจ็คสันจาก The Mighty Ducks)
“การนำตำนานทั้งสองคนมาเจอกันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าความฝันสำหรับผู้อำนวยการสร้าง” โรเซนเฟลท์พูดถึงการนำชานกลับมาร่วมงานกับมัชชิโออีกครั้ง “สิ่งที่แปลกใหม่และโดดเด่นเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือทั้งมิสเตอร์ฮันและแดเนียล ลารุสโซกำลังฝึกเด็กหนุ่มชาวจีนที่พูดภาษาจีนกลาง มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวและการค้นพบสิ่งที่สำคัญอีกครั้ง และคุณก็สามารถเริ่มต้นดูหนังเรื่องนี้แบบโดดๆ ได้แม้ว่าคุณจะไม่เคยดูหนังเรื่อง Karate Kid มาก่อนเลยก็ตาม นอกจากนั้น มันยังเป็นจดหมายรักสำหรับคนที่คอยสนับสนุน The Karate Kid ในปี 1984 ด้วย”
ตั้งแต่การออกแบบท่าต่อสู้ที่ดุเดือดไปจนถึงการแสดงความเคารพต่ออาจารย์มิยากิ ซึ่งเป็นไอคอนคนสำคัญจาก Karate Kid ภาพยนตร์เรื่อง Karate Kid: Legends จะดึงดูดใจสำหรับทั้งผู้ชมกลุ่มใหม่และแฟนๆ ดั้งเดิม “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมคอยระมัดระวังเรื่องการปกป้องแฟรนไชส์นี้และปกป้องตัวละครตัวนี้” มัชชิโอกล่าว “พัฒนาการของตัวละครเหล่านี้ ธีมในหนังต้นฉบับ พวกมันยังคงผ่านการทดสอบของกาลเวลาและชนะใจคนรุ่นใหม่ได้”
“ผมอยากจะกลับมาหาบทนี้อีกครั้งเพราะผู้ชมอยากจะกลับมา” ชานกล่าวเสริม “เรามองหาเรื่องที่ดีและรอคอยมาตลอด”
ทีมผู้สร้างได้ทำการค้นหาคาราเต้ คิดไปทั่วโลกและโรเซนเฟลท์ก็ตื่นเต้นที่พวกเขาได้พบกับหวัง “การมองหาศูนย์กลางของหนังเรื่องหนึ่งก็เหมือนกับการสนเข็ม” เธอกล่าว “ฉันพอใจกับเบนมากๆ เขาเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย ฉันคิดว่าเขาเป็นมาร์ตี้ แม็คฟลายสำหรับรุ่นเรา เขามีพรสวรรค์มาก โดยเขาแสดงฉากสตันท์ส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง และฉันคิดว่าเขามีอนาคตไกลแน่ๆ”
ตัวหวังเองพร้อมที่จะสวมชุดคาราเต้ คิดสำหรับรุ่นของเขาแล้ว หวังได้รู้จักกับ The Karate Kid เป็นครั้งแรกด้วยภาพยนตร์ปี 2010 ที่นำแสดงโดยชานและจาเดน สมิธ “เรื่องเกิดขึ้นในปักกิ่ง และผมก็เพิ่งย้ายจากปักกิ่งกลับไปอเมริกาในตอนที่หนังเข้าฉาย” หวังกล่าว ตอนที่เขาอ่านบทเรื่อง Karate Kid: Legends หวังเข้าใจความรู้สึกของเรื่องราวแบบปลาพ้นน้ำของลี ฟงในทันที “มันทำให้ผมสะเทือนใจ ไอเดียของการไปในที่ใหม่โดยสิ้นเชิง ต้องเริ่มต้นใหม่และค้นพบคนที่จะช่วยเหลือคุณระหว่างนั้นด้วย และนั่นคือความหมายของหนังพวกนี้ เบื้องหลังกังฟูและคาราเต้คือเรื่องเจ๋งๆ ทั้งหมดนั่น เกี่ยวกับการตามหาหนทางของตัวเอง เรียนรู้ที่จะทำตัวกลมกลืนและค้นพบอาจารย์ดีๆ”
“เราทุกคนต่างก็หวังว่าจะมีมิสเตอร์ฮันหรือมิสเตอร์มิยากิในชีวิตของเรา” โรเซนเฟลท์กล่าว “การเป็นคนนอกที่มีความฝัน ความต้องการจะรักษาอัตลักษณ์ของตัวเองแต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของที่ใดที่หนึ่ง มันเป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้”
ทั้งมัชชิโอและชานต่างก็กลับมารับบทของตัวเองในแฟรนไชส์ Karate Kid อีกครั้ง มัชชิโอรับบทแดเนียล ลารุสโซ ผู้ตอนนี้กลายเป็นอาจารย์ในลอสแองเจลิส ในขณะที่ชานรับบทมิสเตอร์ฮัน อาจารย์ในปักกิ่ง ลารุสโซและฮันได้ร่วมมือกันเพื่อฝึกฝนลี ฟง หลานชายของฮันในการเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์คาราเต้เดิมพันสูงในนิวยอร์ก เพื่อสอนเขาในการผสมผสานคาราเต้และกังฟูเข้าด้วยกันให้กลายเป็นสไตล์การต่อสู้ที่จะทำให้เขากลายเป็นแชมเปี้ยน
ในขณะที่แดเนียลเป็นบทที่เปลี่ยนแปลงชีวิตนักแสดงสำหรับมัชชิโอ เขาก็ยังคงรู้สึกว่าเขามีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้จากชาน “ผมเคารพเขามากในฐานะศิลปินและผู้ให้ความบันเทิง” มัชชิโอกล่าว “เขาเป็นตำนานในสายนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนัง ศิลปะการต่อสู้หรือแม้กระทั่งคอเมดี เขาเอาใจใส่มากๆ และเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกเทค และแน่นอนว่าในเทคศิลปะการต่อสู้ด้วย เขาจะพูดประมาณว่า ‘ไม่ ไม่ มันต้องอย่างนี้!’ ส่วนผมก็บอกว่า ‘โอเค!’”
ชานเองก็เพลิดเพลินกับการร่วมงานกับมัชชิโอด้วยเช่นกัน “การพบกันครั้งแรกของเราคือที่รอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง The Karate Kid เมื่อสิบปีที่แล้ว เขาเป็นนักแสดงเหมือนผม ที่มีประสบการณ์มากเหลือเกิน” ชานกล่าว “เขารู้ว่าหนังต้องการอะไร แล้วเราก็ผสมผสานมันเข้าด้วยกันทันที ไม่ว่าผมจะพูดอะไรไป เขาก็จะคิดอยู่แล้ว”
ลีรับบทโดยเบน หวัง ผู้แจ้งเกิดใน American Born Chinese การคัดเลือกนักแสดงในทั่วโลกสำหรับ Karate Kid Legends มีข้อแม้ที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงทีเดียว นั่นคือนักแสดงจะต้องพูดทั้งภาษาจีนกลางและภาษาอังกฤษ รู้จักศิลปะการต่อสู้ (หรือเรียนรู้ได้เร็ว) และสามารถต่อกรกับดาราภาพยนตร์ชื่อดังได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
“ผมส่งเทปออดิชันเข้าไปห้าหรือหกครั้ง แล้วผมก็ไปทดสอบในแอลเอ” หวังกล่าว “ไม่มีเสียงตอบรับ แล้วหนึ่งเดือนให้หลัง พวกเขาก็แบบ ‘คุณเข้ามาวันพรุ่งนี้ได้ไหม เก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยนะ!’ ผมถูกเลือกแล้วมันก็แบบ ‘แจ็คกี้ ชานเป็นลุงของคุณ แล้วคุณก็จะสอนโจชัว แจ็คสันต่อยมวย มู่หลานเป็นแม่ของคุณ คิม พอสซิเบิลเป็นแฟนสาวของคุณ แล้วเด็กจาก It ก็เป็นครูสอนคุณ อ้อแล้วก็ ราล์ฟ มัชชิโอก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ’”
มัชชิโอประทับใจกับทักษะของหวัง ทั้งในเรื่องการต่อสู้และการแสดง “คติในการทำงานของเขา การเตรียมตัว การไม่มองข้ามอะไรไป เขาจะเป็นคาราเต้ คิดของคนรุ่นนี้!” มัชชิโอกล่าว “ใช่ ผมเองก็ได้รับสมญานามนั้น มันจะไม่หายไปจากผมตลอดกาล และผมก็รู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับสมญานามนี้ เขาอยู่ในแทบทุกเฟรมของหนังเรื่องนี้เหมือนที่ผมเคยเป็น” แล้วเขาก็กล่าวเสริมพลางหัวเราะว่า “แต่ผมไม่ต้องพูดอีกภาษาหนึ่งเหมือนเขา ดังนั้น เขาก็แซงหน้าผมไปแล้วเรียบร้อย!”
องค์ประกอบเรื่องราวใหม่ๆ เหล่านั้นช่วยให้ทีมงานและนักแสดงค้นพบสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการบอกเล่าเรื่องราวใหม่เอี่ยมและการให้เกียรติตำนานที่เก่าแก่ยาวนานถึง 40 ปี “สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาคือหนังที่มีทั้งหัวใจ อารมณ์ขันและแอ็กชัน” เอนท์วิสเทิลกล่าว “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อครอบครัวของคุณ หรือการเรียนรู้ว่าเราต่อสู้เพื่ออะไร และผมคิดว่านั่นเป็นข้อคิดที่สำคัญที่สุด แต่มันถูกห่อหุ้มอยู่ในหนังศิลปะการต่อสู้จริงๆ เป็นหนังแอ็กชันผจญภัยจริงๆ ที่มีเรื่องอบอุ่นหัวใจ มีฉากใหญ่ๆ มากมายของผู้คนที่เรียนรู้ถึงความหมายของการเติบโตขึ้น”