เมื่อคุณพูดถึงวงอินดี้ป๊อป อัลเทอร์เนทีฟป๊อปร็อก หลายๆ คนอาจจะมีชื่อศิลปินหรือวงดนตรีอยู่ในใจอยู่หลายคน แต่รู้หรือไม่ว่า ในพื้นที่เมืองเล็กๆ ภายในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา มีวงดนตรีอินดี้ป๊อปหญิงล้วนซ่อนตัวอยู่ วงดนตรีที่ทำเพลงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยอยู่ที่โรงเรียนของพวกเขา ผลิตผลงานเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ที่ในตอนนี้ เดินทางมาถึงอัลบั้มลำดับที่ 4 ของพวกเขาแล้ว
วงอินดี้ป๊อปที่เราพูดถึงนั่นก็คือ The Aces วงอินดี้ป็อปหญิงล้วนสี่คนจากเมือง Provo รัฐ Utah สหรัฐอเมริกา ที่สร้างสรรค์ดนตรีที่มีพลังและเต็มไปด้วยความจริงใจ มีสมาชิก 4 คน นั่นก็คือสองพี่น้อง Ramirez นำโดย Cristal Ramirez (ร้องนำ/กีตาร์) และ Alisa Ramirez (กลอง/ร้อง) พร้อมด้วยเพื่อนสนิท Katie Henderson (กีตาร์/ร้อง) และ McKenna Petty (เบส/ร้อง) และจากประสบการณ์ของพวกเขา เรียกได้ว่าเอกลักษณ์ของวงนี้ชัดเจน โดดเด่นด้วยแนวเพลงที่ผสมผสานระหว่างอินดี้ป็อป อัลเทอร์เนทีฟป็อปร็อก ซินธ์ป็อป และนิวเวฟ
ในครั้งนี้ The Noize Team อยากจะพาทุกคนไปสำรวจเรื่องราวของ The Aces ทั้งประวัติของพวกเขา ผลงาน การเดินทางในอุตสาหกรรมดนตรี และการยืนหยัดในฐานะศิลปินเควียร์ ที่ทำให้ดนตรีของพวกเขาเข้าถึงผู้ฟังได้ทั่วโลก
เลือกอ่านตามคอนเทนต์ได้เลย
Short brief:
Band: The Aces (ดิ เอเซซ)
Location: US
Member: Cristal Ramirez (ร้องนำ/กีตาร์), Alisa Ramirez (กลอง/ร้อง), Katie Henderson (กีตาร์/ร้อง) และ McKenna Petty (เบส/ร้อง)
Genre: Alternative Pop Rock Indie Pop, Synth Pop, New Wave
ติดตามได้ที่ https://www.theacesofficial.com/
จาก “The Blues Aces” สู่ “The Aces”
ลองย้อนเวลากลับไปตอนประถม วัยที่เรายังไม่รู้ว่าโตขึ้นแล้วจะไปทำอะไรดี แต่สำหรับสองพี่น้อง Ramirez พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่ Cristal อายุ 10 ขวบ และ Alisa อายุ 8 ขวบ ในปี 2008 พวกเขาเติบโตมาในครอบครัวที่รักเสียงดนตรี คุณพ่อเปิดเพลงละตินให้ฟัง ส่วนคุณแม่เป็นแฟนเพลงป๊อปยุค 80s อย่าง Whitney Houston และ Michael Jackson ความสนใจในดนตรีของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นในช่วงนั้น และได้เรียนรู้ทำความรู้จักวงดนตรีมากมายจาก YouTube
ไม่นานพวกเขาก็ได้พบกับ McKenna Petty ตั้งแต่สมัยประถม ก่อนจะเจอ Katie Henderson และชวนมาเข้าวงด้วยกัน “พวกเรารู้จักแมคเคนน่ามาตั้งแต่ประถม และเป็นเพื่อนสนิทกันมาตลอด” Cristal เล่าให้ Music Connection ฟัง “พอเธอมีกีตาร์เบส เธอก็เข้ามาร่วมวงด้วย แล้วตอนที่ฉันอายุ 14 พวกเราก็เจอกับเคที่ พวกเราสี่คนก็เลยอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่นั้นเลย”
ชื่อวงแรกของทั้งสี่คือ The Blue Aces พวกเขาแสดงในงานโรงเรียนและกิจกรรมต่างๆ ในเมืองโปรโว ซึ่งเป็นเมืองที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ทำให้พวกเขาไม่สามารถแสดงออกถึงตัวตนได้อย่างเต็มที่ แต่ “ดนตรี” คือพื้นที่ปลอดภัยที่พวกเขาสามารถปลดปล่อยและสร้างโลกของตัวเองขึ้นมา ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นคติประจำวงเลยก็ว่าได้ พวกเขาปล่อยอัลบั้มอีพีแรกในชื่อ The Blue Aces – EP ในปี 2012 ถัดมีปล่อยอัลบั้มเต็มชื่อ Gave You My Heart ในปี 2014
ต่อมาในปี 2016 พวกเขาเปลี่ยนชื่อวงจาก The Blue Aces มาเป็น The Aces และเซ็นสัญญากับค่าย Red Bull Records ในเดือนตุลาคม หลังจากที่ปล่อยซิงเกิล “Stuck” ออกมา และอัลบั้มอีพีแรก “I Don’t Like Being Honest” ในฐานะวง The Aces และถือเป็นอัลบั้มอีพีแรกภายใต้ค่ายเพลงนี้ ถือเป็นการก้าวเข้าสู่เส้นทางนักดนตรีมืออาชีพอย่างเต็มตัว
The Aces ได้บอกเกี่ยวกับชื่อวงของพวกเขาว่า “มันไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหรอก ตอนนั้นพวกเราเด็กกันมาก สิบขวบเอง แล้วก็มีคนจ้างให้ไปขึ้นแสดงในชุมชนของพวกเรา พวกตลาดนัดประมาณนั้น แล้วพวกเราก็ต้องคิดชื่อวงกันวินาทีนั้นเลย จริงๆ เริ่มต้นจากชื่อ The Blue Aces แล้วก็มาเปลี่ยนเป็น The Aces เพราะฉันคิดว่ามันให้สำเนียงแบบวงร็อกแอนด์โรลดี แล้วชื่อนี้ก็เลยอยู่ด้วยกันมายาวๆ เลย”
Under the influence
อิทธิพลทางดนตรีล้วนแล้วแต่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยก่อร่างสร้างตัวให้กับเหล่าศิลปิน โดยเฉพาะผลงานรุ่นเก่าๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินหลายๆ คน สำหรับ The Aces อิทธิพลทางดนตรีของพวกเขานั้นหลากหลาย และนั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้แนวเพลงของ The Aces ก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพลงรักวัยรุ่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในอัลบั้มหลังๆ จะเห็นได้ว่าบทเพลงของพวกเขาจะชวนสำรวจความรู้สึกที่ซับซ้อน จริงใจ ลึกซึ้งและส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
“พวกเราเติบโตมากับการฟังเพลงของ Earth Wind & Fire, Whitney Houston, the Pointer Sisters เป็นท่วงทำนองที่เพราะจับใจมากๆ” คริสตัลบอกกับ Music Connection “ส่วนเคที่เติบโตมากับเพลงของวง Queen แล้วก็ The Beatles ประเภทร็อกจัดเต็ม แล้วก็พวกดนตรีนิวเวฟอย่าง Tears for Fears กับ The Cure ฉันว่ามันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวนะ”
นอกจากศิลปินชั้นนำที่เป็นอิทธิพลจากช่วงวัยเด็กของพวกเขาแล้ว Tegan and Sara เองก็เป็นศิลปินที่โอบอุ้มพวกเขาไว้ ในวันที่ยังไม่เปิดตัวว่าเป็นเควียร์ “รู้ไหมว่า Tegan and Sara เหมือนกับว่าช่วยชีวิตฉันไว้จริงๆ ในช่วงเวลาที่มืดมิดตอนที่ฉันเป็นวัยรุ่น และฉันยังไม่เปิดตัว” คริสตัลบอก “แค่ฟังเพลงของพวกเขาและเห็นผู้หญิงสองคนที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ที่เปิดเผยตัวตนในฐานะเควียร์และประสบความสำเร็จในเส้นทางดนตรี หรือการแสดงของพวกเขา เหล่านี้เป็นสิ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน”
เขาเสริมต่อว่า “ถ้าไม่มีศิลปินอย่างพวกเขา เราก็คงไม่ได้เป็นวงดนตรีในวันนี้ และฉันหวังว่าเราจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครบางคนที่ยังไม่เปิดเผยตัวเอง หรือใครบางคนที่ยังไม่เคยมีความกล้าที่จะแสดงออก นั่นคือความหวังเดียวของฉันสำหรับวงที่เราสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยแบบนั้นให้กับแฟนเพลงได้”
และนั่นก็อาจจะเป็นอีกเครื่องยืนยันได้ว่า ดนตรีเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่ส่งอิทธิพลมายังทุกคนในวง หล่อหลอมจนเกิดซาวด์ดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของ The Aces และพร้อมโอบกอดผู้ฟังทุกคนที่รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนนอกสำหรับพื้นที่ที่คุณเคยอยู่ และส่งกำลังใจให้กับทุกคนผ่านบทเพลงของพวกเขา
ผลงานอัลบั้มและ EP ของ The Aces
อัลบั้ม EP “I Don’t Like Being Honest” (2017)
I Don’t Like Being Honest ถือเป็นอัลบั้มอีพีแรกของพวกเขาภายใต้ชื่อวง The Aces และภายใต้ค่าย Red Bull Records โดยมีซิงเกิล “Stuck” ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของพวกเขา ที่เพลงนี้สามารถขึ้นไปถึงอันดับ 38 บนชาร์ต Billboard Alternative Songs
อัลบั้มเดบิวต์ “When My Heart Felt Volcanic” (2018)
อัลบั้มแรกของ The Aces อย่าง When My Heart Felt Vocanic มาพร้อมกับดนตรีป๊อปที่สดใส และโดดเด่นด้วยไลน์กีตาร์อันเป็นเอกลักษณ์ของวง
The Noize Team recommened: Volcanic Love, Waiting for You, Fake Nice, Last One และ Lovin’ Is Bible
อัลบั้มที่สอง “Under My Influence” (2020)
ผ่านมาอีกสองปี พวกเขาปล่อยอัลบั้มเต็มลำดับที่สองออกมาในชื่อว่า Under My Influence ที่มาพร้อมกับความเป็น R&B มากขึ้น เริ่มเปิดเผยตัวตนความเป็นเควียร์ของพวกเขาผ่านเนื้อเพลงอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมามากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเลยก็คือ อัลบั้มนี้ชาร์ต Billboard หลายรายการ รวมถึงอันดับ 53 บน Top Albums และอันดับ 18 บน Heatseekers Albums
The Noize Team recommened: Daydream, My Phone is Trying to Kill Me, Lost Angeles, 801 และ Kelly
อัลบั้มที่สาม “I’ve Loved You For So Long” (2023)
อัลบั้มที่สามของพวกเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านของดนตรี ที่เปลี่ยนจากความเป็น R&B มาดนตรีป๊อปร็อกคลาสสิค ทั้งซินธ์ยุค 80 จังหวะกีตาร์แบบ The Smiths ไปจนถึงดนตรีบัลลาดที่ฟังสบาย เรียกได้ว่าอัลบั้มนี้ พวกเขาผสมผสานทั้งความเป็นดนตรีอินดี้และดนตรีกระแสหลักได้อย่างลงตัว มีความเป็นอัลเทอร์เนทีฟยุค 90 ปนๆ อยู่ในอัลบั้มนี้ของพวกเขา
นอกจากนี้แล้ว อัลบั้มนี้มีความกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น โดยปรับแต่งท่อนคอรัสที่สนุกสนานและริฟฟ์กีตาร์ที่ให้ความรู้สึกดี พวกเขาลงลึกในประเด็นที่ละเอียดอ่อนมาก ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์ของพวกเขาที่เติบโตในชุมชนมอร์มอน การค้นพบตัวตนเควียร์ของตัวเอง ไปจนถึงการจัดการปัญหาสุขภาพจิตของพวกเขาผ่านบทเพลงได้อย่างลงตัว ทำให้อัลบั้มนี้ พวกเขามีความเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น และเป็นอิสระในการรังสรรค์บทเพลงมากยิ่งขึ้น
The Noize Team recommened: Always Get This Way, Girls Make Me Wanna Die, Person และ Suburban Blues
อัลบั้มที่สี่ “Gold Star Baby” (2025)
The Aces ยังคงสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีซิงเกิล The Magic ออกมาในปี 2024 และกำลังเตรียมปล่อยอัลบั้มชุดที่สี่ Gold Star Baby ในเดือนสิงหาคม 2025
เมื่อดนตรีคือพื้นที่ปลอดภัยและหัวใจที่เปิดกว้าง
The Aces was always that hope.
การเติบโตในพื้นที่ที่วัฒนธรรมที่ไม่เปิดรับเพศหลากหลาย หรือความแตกต่าง ความขบถและความสร้างสรรค์ใหม่ๆ อาจจะทำให้คุณรู้สึกทั้งทุกข์และสุขที่ได้เป็นตัวเองไปพร้อมๆกัน สำหรับ The Aces ที่เติบโตในเมืองโพรโว รัฐยูทาห์ สถานที่ที่ชุมชนมอร์มอนหลอมรวมกันอย่างแข็งแกร่ง ทำให้ดนตรีกลายเป็นแค่เพียงพื้นที่ปลอดภัยที่พวกเขาได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่
“พวกเราชอบบ้ายเกิดที่เราจากมามากนะ แต่มันก็กดดันในบางแง่ด้วย โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นเควียร์” คริสตัลบอกกับ BBC “ที่นั่นมีวัฒนธรรมทางศาสนาที่แข็งแกร่งมาก ฝังรากลึกอยู่ตรงนั้นเลยด้วย เพราะงั้น ถ้าคุณไม่อยากทำตามกรอบที่วางไว้ มันก็จะทำให้คุณกลายเป็นคนนอกได้ง่ายมากๆ เลย” อลิซ่ากล่าวเสริม
คริสตัลบอกกับ INTO ว่า “ตัวตนของพวกเราและหลายๆ เหตุผลที่ทำให้วงของพวกเรายังอยู่มาได้นานจนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะวิธีการเลี้ยงดูที่พวกเราได้รับ คือมันก็เป็นความรู้สึกกดดันจากการเป็นคนนอก ความรู้สึกสิ้นหวังที่จะสร้างชีวิตของตัวเอง นั่นก็คือปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังว่าทำไมพวกเราถึงทำวงกันตั้งแต่ยังเล็ก เป็นจินตนาการที่จะได้เห็นพวกเราในภาพอนาคตเหล่านั้น ทั้งการย้ายออกจากบ้านเกิด หรือทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง นอกเหนือจากสิ่งที่ศาสนาบังคับอย่างเคร่งครัดเอาไว้ ทำให้เราได้เป็นตัวของตัวเอง เป็นเควียร์ ได้เปิดเผยตัวตน แล้วก็ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง ซึ่งการมีอยู่ของวง The Aces เป็นความหวังมาเสมอ มันคือประตูที่จะพาไปสู่สิ่งต่างๆ ที่เราสามารถเป็นได้ และในตอนนี้ พวกเราก็ทำให้มันเป็นจริงได้แล้ว“
Be Queer, Be Proud
สมาชิกวง The Aces ผู้ที่เติบโตในยูทาห์ท่ามกลางพื้นที่อันคร่ำเคร่งไปด้วยความเชื่อทางศาสนาที่ให้ทุกคนอยู่ในกรอบเป็นเรื่องยากที่จะทำให้การเป็นตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ แต่สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นส่วนสำคัญของอัตลักษณ์และตัวตนของพวกเขาด้วย “มันก็ยากมากที่พวกเราจะเปิดเผยตัวตน คือเราสามคนเป็นเควียร์แบบเห็นชัดๆ เลย แต่คุณรู้ไหม มันยากเพราะวัฒนธรรมทางศาสนา และกรอบที่กดขี่พวกเราไว้อยู่ตรงนั้นตลอดเวลา”
สำหรับ The Aces ก็เช่นกัน ในอัลบั้มแรกๆ ของพวกเขา จะยังไม่เปิดเผยตัวตนของพวกเขาเองผ่านบทเพลง แม้ว่าจะมีสมาชิกในวง The Aces ที่เป็นเควียร์ทั้งหมด 3 คนจาก 4 คนก็ตาม แม้ว่าอัลบั้มเดบิวต์ของพวกเขาจะได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม แต่ ณ ช่วงเวลานั้น ทางวงตัดสินใจที่จะไม่ใช้สรรพนามเพื่อการระบุเพศ เพื่อให้เพลงของพวกเขาเข้าถึงคนทุกกลุ่ม จนกระทั่ง อัลบั้มที่สองของพวกเขาอย่าง Under My Influence
“ครึ่งนึงของพวกเราเป็นเควียร์ แล้วก็ภูมิใจที่เป็นเควียร์ด้วย พวกเราเปิดเผยเรื่องนี้มาตลอดชีวิตส่วนตัวของเราตลลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้วก็ไม่เคยปิดบังเลย แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญในงานเพลงเท่าไหร่ แต่สำหรับอัลบั้มนี้ มันให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติเลย” คริสตัลเปิดเผยขณะให้สัมภาษณ์ในอัลบั้มที่สองของพวกเขา
Under My Influence เต็มไปด้วยเพลงที่เข้าถึงได้เกี่ยวกับอารมณ์ที่ผันผวนตามความสัมพันธ์ คริสตัลยอมรับว่าวงพยายามเปิดรับความเป็นเควียร์ของตัวเองด้วยการใช้สรรพนาม she/her/hers ในเนื้อเพลงเสมอ “คนรุ่นใหม่ต้องการเพลงที่สื่อถึงเควียร์อย่างชัดเจน พวกเขาไม่ต้องการพื้นที่สีเทา พวกเขาต้องการให้ผู้คนรู้สึกภาคภูมิใจ การภาคภูมิใจช่วยต่อชีวิตผู้คนได้จริงๆ” คริสตัลอธิบาย
ทั้งคริสตัลและอลิซ่า ตัดสินใจที่จะใช้สรรพนามที่ชัดเจนผ่านบทเพลงเป็นครั้งแรก เพื่อสะท้อนถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขาผ่านบทเพลง “Kelly” เพลงแรกของ The Aces ที่เล่าเรื่องราวของความรักเพศเดียวกัน นอกจากนี้ เพลง “801” ยังกล่าวถึงคลับเกย์ ซึ่งเป็นการนำเสนอประสบการณ์เควียร์ในบทเพลงอย่างชัดเจน
The Aces กับการเป็นกระบอกเสียงและพื้นที่ปลอดภัยสำหรับแฟนเพลงเควียร์
อีกหนึ่งสิ่งที่ The Aces มอบให้กับผู้ฟังทั้งใจ นอกเหนือจากผลงานเพลงก็คือ การเป็นกระบอกเสียงและเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับแฟนเพลงเควียร์ พวกเขามองเห็นตัวตนของตัวเองผ่านแฟนเพลงจำนวนมาก “ฉันคิดว่าแฟนเพลงของเราหลายๆ คน สะท้อนตัวตนของพวกเขา การที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลายทางเพศ เพราะงั้น พวกเรายังคงที่จะผลักดันตัวเองให้ใช้ชีวิตตามแบบฉบับของเรา เพื่อที่จะได้เขียนเพลง และเผยแพร่มันออกไปทั่วโลก” คริสตัลบอก
การแสดงสดของพวกเขาในงาน Pride ต่างๆ ทั่วโลก เช่น NY Pride, Lollapalooza, OUTFEST เป็นการตอกย้ำบทบาทของวงในฐานะผู้สร้างพื้นที่ปลอดภัยและเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นตัวแทนที่ชัดเจน การที่พวกเขาสามารถเชื่อมโยงกับแฟนๆ ในระดับส่วนตัวได้ แสดงให้เห็นว่าดนตรีของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ความบันเทิง แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างชุมชนและการยอมรับ
คริสตัลเปิดเผยว่า “ถ้าใครในพวกคุณที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่รู้สึกว่าคนไม่เข้าใจคุณ และคุณรู้สึกแตกต่าง เหมือนกับว่าถูกกดขี่โดยชุมชนรอบข้างที่ไม่เคยเข้าใจ แค่รู้ไว้อย่างนึงว่าทุกอย่างจะดีขึ้น คุณจะพบกับเพื่อนที่พร้อมเข้าใจ และคุณจะหลุดพ้นจากสิ่งนั้น แค่ต้องอดทนกับตัวเองอีกนิด เพราะว่าการเติบโตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเร่งกระบวนการได้ มันจะไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอดไป ดังนั้นถ้าคุณอยู่ในเมืองเล็กๆ เหล่านั้น เราก็รักคุณ ดนตรีของเราเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคุณเสมอ และจงเป็นใครก็ได้ที่คุณอยากเป็น”
“ในอดีต เราเข้าใจว่า The Aces คือตัวแทนของพวกเราทั้งสี่คน ก็เลยทำให้มันคลุมเครือ” อลิซ่าบอก “มันแค่ให้ความรู้สึกที่มันสำคัญมากๆ ที่จะเล่าเรื่องราวของพวกเราให้เต็มที่ ซื่อสัตย์ แล้วก็ใส่มันลงไปในเพลง เพราะว่าแฟนเพลงรุ่นใหม่ต้องการมัน มันคือสิ่งที่เราทำให้มันกลายเป็นภาพแทนตัวได้”
“ข้อดีที่เราเติบโตมาจากพื้นที่ตรงนั้นคือมันทำให้เราทุกคนมีสมาธิกับเป้าหมายทางดนตรีของเราจริงๆ แต่มันก็มีข้อเสียมากมายด้วยเช่นกัน ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันเปิดเผยตัวตนในฐานะเควียร์ ฉันกลัวมาก เพราะวัฒนธรรมและวิธีที่เควียร์ถูกมองจากสังคม ปัญหานี้มันดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องปรับกันต่ออีกเยอะ”
พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นกระบอกเสียงอันทรงพลัง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อแฟนเพลง LGBTQIAN+ รุ่นใหม่ที่กำลังมองหาแบบอย่างและพื้นที่ปลอดภัยในโลกที่ยังคงมีการเลือกปฏิบัติ
ความท้าทายในฐานะวงดนตรีหญิงล้วนและวงที่มีสมาชิก LGBTQIAN+
แม้ว่าแฟนคลับ The Aces จะให้การสนับสนุนกันอย่างเหนียวแน่น แต่ทางวงก็เล่าว่าพวกเขาต้องเผชิญอุปสรรคมากมายในวงการดนตรีในฐานะวงดนตรีเควียร์ผู้หญิงล้วน
“ในหลายๆ ที่ทั่วโลก การเป็นเควียร์เป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับ และแม้แต่กฎหมายก็ยังไม่ได้คุ้มครองพวกเขาในฐานะเควียร์” คริสตัลกล่าว
The Aces รู้สึกประหลาดใจที่การเป็นผู้หญิงล้วนจะเป็นความท้าทายขนาดนี้ และบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป “วงการเพลงทั่วโลกยังคงเกลียดชังผู้หญิงอยู่มาก มีหลายเรื่องที่คุณต้องเจอ คุณถูกด้อยค่า ซึ่งบางครั้งมันก็เติมพลังให้คุณและทำให้คุณรู้สึกอยากลุกขึ้นสู้เพื่อล้มล้างความคิดพวกนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งก็เหนื่อย” คริสตัลกล่าว
อนาคตของ The Aces ในวงการเพลง
The Aces ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นมากกว่าวงดนตรีอินดี้ป็อปที่สร้างสรรค์เพลงติดหู การเดินทางของพวกเขาตั้งแต่จุดเริ่มต้นในชุมชนอนุรักษ์นิยมในยูทาห์ ไปจนถึงการเป็นกระบอกเสียงที่กล้าหาญและชัดเจนสำหรับชุมชน LGBTQIAN+ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนเพลงทั่วโลก การที่พวกเขาตัดสินใจนำเรื่องราวส่วนตัว ประสบการณ์จากมอร์มอน และการค้นพบตัวตนเควียร์ มาถ่ายทอดลงในบทเพลงอย่างตรงไปตรงมา ไม่เพียงแต่ทำให้ดนตรีของพวกเขามีความลึกซึ้งและจริงใจ แต่ยังสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความรู้สึกเชื่อมโยงให้กับผู้ฟังจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับความท้าทายที่คล้ายคลึงกัน
ความสามารถของ The Aces ในการผสมผสานเมโลดี้ป็อปที่น่าดึงดูดเข้ากับเนื้อหาที่กินได้ทำให้พวกเขาโดดเด่นเป็นอย่างมาก แม้จะต้องเผชิญกับอคติในฐานะวงดนตรีหญิงล้วนและวงที่มีสมาชิก LGBTQIAN+ พวกเขาก็ยังคงยืนหยัดในตัวตนและแนวทางของตนเอง ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นและความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดา
ด้วยอัลบั้มใหม่ “Gold Star Baby” ที่กำลังจะออกในอนาคตอันใกล้ The Aces จึงยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในวงการดนตรีที่ไม่เพียงสร้างสรรค์เพลงที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็น “ครอบครัว การขับเคลื่อน แพลตฟอร์ม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และบ้าน” สำหรับแฟนเพลงของพวกเขา อิทธิพลของพวกเขาจะยังคงเติบโตต่อไปในฐานะศิลปินที่กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและสร้างความเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้
Gold Star Baby เตรียมปล่อยให้ทุกคนได้ฟังกันในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
Resources:
- https://music.apple.com/us/album/ive-loved-you-for-so-long/1656815437
- https://www.bbc.com/news/entertainment-arts-52542913
- https://www.ebar.com/story/150603
- https://www.interviewmagazine.com/uncategorized/girls-from-the-aces-are-exploring-new-queer-emotions-album-under-my-influence
- https://www.intomore.com/entertainment/music/the-aces-on-music-identity-and-queer-camaraderie/
- https://www.musicconnection.com/signing-story-aces/
- https://www.redbull.com/us-en/theredbulletin/the-aces-interview-red-bull-records
- https://www.seventeen.com/celebrity/music/a40364325/the-aces-interview-2022/
- https://www.slugmag.com/music/interviews/music-interviews/the-aces-talk-queer-coming-of-age-in-suburban-utah/
- https://www.youtube.com/watch?v=na5lNzajMK4
- https://www.youtube.com/watch?v=zo_MLgM6huw
- https://www.youtube.com/watch?v=qv77gj7fsyY