รวมลิสต์หนังและซีรีส์ LGBTQIAN+ ที่คุณไม่ควรพลาด

ไม่ว่าจะเดือนไหน เราก็สามารถหาภาพยนตร์และซีรีส์ที่มีตัวละคร LGBTQIAN+ กันได้อย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ The Noize Team ยกขบวนความสนุกมาเสิร์ฟให้คุณถึงที่ด้วยลิสต์หนังและซีรีส์ LGBTQIAN+ บนสตรีมมิ่งในประเทศไทยที่คุณไม่ควรพลาด แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ทีมงาน The Noize อย่างเดียวเท่านั้น ยังมีผู้ร่วมลิสต์รายชื่อซีรีส์และหนังที่น่าสนใจกันอีกหลากหลายคน บอกเลยว่าเราไม่อยากให้คุณพลาด!

ลิสต์หนังและซีรีส์ LGBTQIAN+ ที่เราอยากแนะนำ

Feel Good

โดย First S.

Feel Good ซีรีส์จาก Netflix ที่หยิบเอาเรื่องราวของ Mae Martin นักเล่าเรื่องตลก (Stand-up comedy) มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวที่จะทำให้คุณพบกับความป่วนปั่นของชีวิตคู่ระหว่างเมและจอร์จ คุณครูหญิงที่พบเจอกันครั้งแรกในคืนที่เมขึ้นไปเดี่ยวไมโครโฟน และแน่นอนว่าการใช้ชีวิตคู่มันก็ดูจะเป็นเรื่องง่าย แต่อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องของคนแค่เพียงสองคนเท่านั้น แต่ยังมีคนรอบข้างที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสังคมอังกฤษ มุกตลกต่างๆ ประเด็นเหยียดเพศ การเสพติด บาดแผลในวัยเด็กกับวัยรุ่นของเม ไปจนถึงการค้นหาตัวตนของเขา

แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวของตัวผู้สร้างเอง แต่ก็ต้องบอกว่า Mae Martin ก็ทำให้หลายๆ คนได้รู้จักและเข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Sexuality หรือแม้กระทั่งการค้นหาว่าเขาเองนั้น คืออะไรกันแน่ ซึ่งเขาเองก็ได้บอกลง Instagram ว่าเขาเป็น Non-binary ที่ใช้สรรพนาม They/She และเป็น Bisexual ก่อนที่ซีรีส์จะฉาย และหยิบเอาเรื่องนี้ไปใช้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวในซีรีส์ซีซั่น 2 อีกด้วย

คุณสามารถรับชมซีรีส์ทั้งสองซีซั่นได้ทาง Netflix

One Day at a Time

โดย onlymyfavgirls

ซิทคอมน้ำดีที่นำเสนอเรื่องชาติพันธุ์, LGBTQIAN+, Feminism, Mental Illness, Consent และ Harassment ไปจนถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว เอาไว้ได้ให้เราได้อย่างเข้าใจง่าย ตรงประเด็น และจับต้องได้ ต้องบอกก่อนว่าซีรีส์เรื่องนี้จะดำเนินเรื่องด้วยครอบครัวคิวบาที่อพยพมายังสหรัฐอเมริกาตั้งแต่สมัยคุณยาย และมีสมาชิกในครอบครัว 3 เจนเนอเรชันด้วยกันนั่นคือ ยาย, แม่ และลูกสาวลูกชาย ที่มีเจ้าของตึกคอยแวะเวียนมาเที่ยมเล่นอยู่เสมอ

ซีรีส์ชุดนี้จะไม่ได้โฟกัสไปที่เรื่องราวของตัวละครใดตัวละครหนึ่งเป็นหลัก ในแต่ละช่วงก็จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจแตกต่างกัน ประเด็นในซีซั่นแรกก็จะเน้นไปที่ตัวหลานสาวกับคุณยายเกี่ยวกับการเข้าพิธี Quinceañera ซึ่งเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวละตินอเมริกันที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับการก้าวข้ามจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ของสาวๆ ที่มีอายุครบ 15 ปี และการเปิดตัวว่าเป็นเกย์ รวมไปถึงการทำความเข้าใจและเปิดอกของคนในครอบครัว ซึ่งประเด็นนี้ก็จะผูกโยงไปในซีซั่นสองอีกด้วย แล้วประเด็กที่น่าสนใจของซีซั่นสองก็จะดำเนินไปตามช่วงวัยของตัวละคร มีการหยิบยกประเด็นต่างๆ ออกมาตีแผ่และบอกเล่าออกมาในลักษณะที่ดูง่าย ดูเพลิน และเข้าใจได้อย่างดี เล่าเรื่องเปลี่ยนแปลงของเด็กชายสู่วัยรุ่น การ Racism และ Stereotype ที่ค่อนข้างหนักและชัดเจน รวมไปถึงเรื่องราวของ LGBTQIAN+ ที่ตัวลูกสาวของบ้านพูดอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงการที่เธอมีแฟนเป็น Non-binary และทำให้หลายๆ คนสงสัยกัน ส่วนซีซั่นสามก็จะหยิบประเด็นที่หนักกว่าสองซีซั่นแรกมาพูดถึง รวมไปถึงการหยิบประเด็นเรื่อง Consent และ Harassment มาพูดอธิบายให้ฟัง ทั้งในมุมมองของคนที่มองว่าเรื่องเล็กๆ กับคนที่ถูกกระทำ

ที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดซีรีส์เรื่องนี้ก็เพราะว่าเขาหยิบประเด็นหนักๆ มาย่อยให้เข้าใจง่ายและเหมาะสำหรับไปสอนเด็กๆ ด้วย (อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่เด็กๆ หรอกนะที่่ควรจะรู้) แล้วก็ต้องบอกว่าหลายๆ คำพูดของเรื่องนี้มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและเจ็บปวดสุดๆ เหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นแผลในใจของเอเลน่าที่โดนคนใกล้ตัวทำ การที่แม่ให้โอกาสลูกได้ทำในสิ่งที่เขากล้าขอโดยที่ไม่ปิดโอกาสลูก การที่เปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับเด็กๆ และการที่คุณยายได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการที่คนที่ตัวเองรักมีเรื่องทุกข์ใจและต้องไปบำบัด รวมไปถึงการเคียงข้างให้กำลังใจคนที่เรารักอยู่ตลอดเวลา

รับชมทั้ง 3 ซีซั่นได้ทาง Netflix และซีซั่น 4 ได้ทาง CBS

The Half of It

โดย First S.

หากคุณกำลังมองหาหนังเลสเบี้ยนที่หวานซึ้งก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่หนังที่ตอบโจทย์คุณสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหาหนัง coming-of-age ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการค้นหาตัวตน เริ่มต้นด้วยตัวละคร เอลลี่ ชู เด็กสาวชาวเอเชียที่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านติดรางรถไฟ อยู่กับพ่อผู้เป็นนายสถานีรถไฟ แล้วก็ใช้เวลาไปกับการเรียนในไฮสกูลและไม่คิดจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนที่อยู่ที่โรงเรียน เธอก็ทำงานรับจ้างงานเขียนให้กับเพื่อนร่วมชั้น จนกระทั่งหนุ่มพอลเข้ามาจ้างให้เธอเขียนจดหมายรักไปให้สาวอีกคน หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องรักสามเส้าของเด็กไฮสกูล แต่ก็ต้องบอกว่าทั้งเอลลี่และพอลก็ค่อยๆ พัฒนาและกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็นำเสนอมิตรภาพของเลสเบี้ยนและหนุ่มสเตรทออกมาได้อย่างดี และแม้ว่าจะมีเรื่องรักยุ่งๆ เข้ามา แต่ก็ไม่ทำให้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนจางลงไปเลย

รับชมได้ทาง Netflix

Sense8

โดย GR

Sense8 เป็นเรื่องราวกับคน 8 คนจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งต่างคนต่างมีที่มาที่แตกต่างกันไป คนเหล่านี้มีความสามารถในการใช้จิตสื่อถึงกันได้ แถมยังใช้ความสามารถของผู้ใช้จิตในกลุ่มเดียวกันได้อีกด้วย เมื่อทุกอย่างดูเป็นจริงเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ พวกเขาทุกคนจึงร่วมมือกันตามหาที่มาและความจริงของตัวเอง พร้อมๆ ไปกับการหนีการตามล่าจากองค์กรลึกลับ

นอกจากความสนุกของเนื้อเรื่องและฉากรวมตัวของเหล่าผู้ใช้จิตหลากหลายเชื้อชาติที่สุดเจ๋งเกินกว่าจะมองข้าม ซีรีส์เรื่องนี้ยังแสดงออกอย่างชัดเจนถึงการเรียกร้องสิทธิของชาว LGBTQIAN+ เห็นได้ชัดจากตัวละคร ‘Nomi Marks’ หนึ่งในผู้ใช้จิต แฮกเกอร์อัจฉริยะของทีมที่เป็น Transwoman แต่ใช่ว่าเส้นทางชีวิตของเธอจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ Nomi (แสดงโดย Jamie Clayton) ต้องเป็นทุกข์กับการที่คนสำคัญในครอบครัวไม่ยอมรับ แถมยังพยายามลบตัวตนที่แท้จริงของเธอไปอีกด้วย แต่ยังดีที่เจ้าตัวยังมีคนรักอย่าง ‘Amanita Caplan’ (แสดงโดย Freema Agyeman) ที่เข้าใจและสนับสนุนเธออยู่ข้างกายไม่ห่าง ซีรีส์แสดงให้เห็นถึงความรักของผู้หญิงสองคนที่ไม่ยอมแพ้ในตัวของกันและกันได้ออกมาอย่างงดงาม รวมถึงคนรอบข้างที่มีทั้งคนที่พร้อมและไม่พร้อมจะทำความเข้าใจ อีกเรื่องที่ชอบคือการที่ซีรีส์เลือกที่จะนำเสนอตัวละครที่เป็น Transgender lesbian ออกมาแก่สังคม (ซึ่งหากว่ากันตามตรง ในสังคมไทยของเราเองอาจจะยังไม่คุ้นเคยมากนัก) แอบกระซิบว่ายังมีอีกหนึ่งตัวละครที่เป็นผู้ใช้จิตและเป็นเกย์ด้วยอย่าง Lito Rodriguez (แสดงโดย Miguel Ángel Silvestre) ซึ่งเส้นเรื่องของตัวละครนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยล่ะ

Sense8 เป็นอีกเรื่องที่อยากจะแนะนำให้ทุกคน’ต้องไปดู’ ไม่แน่ว่าพอคุณเริ่มเปิดดูตอนแรกแล้ว รู้ตัวอีกที คุณอาจจะดูจนจบสองซีซั่นแล้วก็ได้นะ รับชมได้เลยที่ Netflix

Star Trek: Discovery

โดย T’Awan

ซีรีส์ไซไฟจากแฟรนไซส์ชื่อดังอย่าง Star Trek เกี่ยวกับลูกเรือยาน USS Discovery ที่ต้องในสงครามของสหพันธ์ดวงดาวและจักรวรรดิคลิงออน  จนไปถึงข้ามเวลาไปในศตวรรษที่ 32 เพื่อช่วยจักรวาลจากภัยของปัญญาประดิษฐ์  ซึ่งดิสคัฟเวอร์รี่นั้นเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่มีการแสดงตัวตนของบุคคลหลากหลายทางเพศในหลายอัตลักษณ์ ทั้งหัวหน้าวิศวกร Paul Stamets (Anthony Rapp) และ คุณหมอ Hugh Culber (Wilson Cruz) ที่เป็นคู่รักเกย์ชายรักชาย วิศวกร Jett Reno (Tig Notaro) ที่เป็นเลสเบี้ยน ล่าสุดในซีซั่น 3 ที่ผ่านมาเองก็ได้มีตัวละครข้ามเพศเพิ่มเข้ามาในบทหลักอีก คือ Adira Tal (Blu del Barrio) เป็น Non-Binary และใช้สรรพนาม They/Them และ Gray Tal (Ian Alexander) เป็นชายข้ามเพศ ซึ่งนักแสดงในเรื่องที่มารับบทตัวละครเพศหลากหลายในเรื่องเองก็มีอัตลักษณ์ตรงกับตัวละครที่พวกเขาแสดง

ซีรีส์ Star Trek Discovery ได้แสดงให้เห็นว่า การที่จะเล่าเรื่องของบุคคล LGBTQIAN+ นั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบของโลกปัจจุบัน หรือเป็นภาพยนตร์แนวดราม่า และรักโรแมนติกเท่านั้น ตัวละครที่มีความหลากหลายทางเพศสามารถมีบทบาทในสื่อไซไฟ แอคชั่น ที่อยู่ในอนาคตกว่าหลายร้อยปีก็ได้ พวกเขาสามารถมีบทบาทที่โดดเด่นเคียงคู่กับบุคคลตรงเพศกำเนิด รักเพศตรงข้าม (cisgender heterosexual heteromantic) และอยู่ในที่ที่ทุกคนรอบข้างยอมรับและเคารพในสิ่งที่พวกเขาเป็น

พบกับเรื่องราวการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของยาน USS Discovery ทั้ง 3 ซีซั่น ได้แล้วที่ Netflix

The Boys in the Band

Brooklyn Nine-Nine

BoJack Horseman

Booksmart

โดย Poyhooood (ภวังค์​หนัง​)

‘Booksmart’ ภาพยนตร์แนว Coming-of-Age ผลงานกำกับเรื่องแรกจากนักแสดงมากฝีมือ Olivia Wild ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตในวัยเรียนของสองเพื่อนรักสุดเนิร์ดอย่าง ‘เอมี่’ และ ‘มอลลี่’ ที่อุทิศชีวิตและเวลาทั้งหมดไปกับการเรียนและการอ่านหนังสืออย่างหนักหน่วง หากแต่เหตุการณ์บางอย่างที่มอลลี่ต้องเผชิญ ทำให้เธอรู้ซึ้งว่าโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่มากไปกว่าหน้ากระดาษในหนังสือ ปาร์ตี้สุดเหวี่ยงในค่ำคืนสุดท้ายก่อนโบกลาชีวิตไฮสคูลกับเพื่อนร่วมชั้น จึงเป็นเหมือนจุดเปลี่ยน การเติบโต และการเติมเต็มรสชาติชีวิตที่ขาดหายไปของเธอทั้งสอง

ความพิเศษของภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากจะบอกเล่าเรื่องราวสุดป่วนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้อย่างกลมกล่อม คือการที่หนึ่งในตัวละครนำอย่าง ‘เอมี่’ นั้นเป็นเหมือนตัวแทนของชาว LGBTQIAN+ ในช่วงวัยที่เริ่มเรียนรู้ มีความรัก และตามหาฝันเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ไม่มีช่วงเวลาบีบคั้นให้ก้าวผ่านความสับสน หรือการดิ้นรนให้หลุดพ้นจากตัวตนของตัวเอง เรื่องราวชีวิตและความสัมพันธ์ของเธอจึงถูกถ่ายทอดออกมาอย่างปกติ เรียบง่าย และเป็นธรรมชาติ สะท้อนให้เห็นว่าท่ามกลางสังคมที่เคารพในตัวตนของกันและกัน การเป็น ‘เลสเบี้ยน’ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเป็นประเด็นสำคัญที่ใครต้องตั้งคำถามและให้น้ำหนักมากมายเมื่อเล่าถึง

นอกจากนั้น ‘Booksmart’ ยังทุบทุกกรอบแนวคิด มายาคติ และค่านิยมเดิมๆ ที่สังคมมีต่อ LGBTQIAN+ จนแตกละเอียด ด้วยการนำเสนอให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะแสดงออก แต่งตัว หรือมีภาพลักษณ์แบบไหน แต่ ‘รสนิยมทางเพศ (Sexual Orientation)’ และ ‘การแสดงออกทางเพศ (Gender Performance)’ นั้น เป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การด่วนสรุปทึกทักและคาดเดาไปจากภาพที่เห็น ไม่อาจบ่งชี้ ‘ตัวตน’ ที่แท้จริงของคนๆ นั้นได้เลย

ดังนั้น หากคุณอยากประสบกับเรื่องราววัยว้าวุ่น หากคุณกำลังมองหาสีสันและรสชาติของชีวิตที่ขาดหายไป หากคุณอยากสัมผัสและมองโลกในมุมใหม่ๆ เราเชื่อว่า Booksmart จะเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่เติมเต็มทุกความปรารถนาในใจ ทำให้คุณหัวเราะจนร้องไห้ และอบอุ่นทั้งหัวใจไปพร้อม ๆ กัน

The Little Prince(ss)

โดย First S.

หนังสั้น Launchpad ของ Disney ที่ฉายทาง Disney+ Hotstar ได้ Moxie Peng ผู้กำกับ queer & non-binary มาบอกเล่าเรื่องราวเรื่องนี้ ซึ่ง The Little Prince(ss) ก็เป็นการเล่าเรื่องราวของเด็กผู้ชายที่ไม่ได้เป็นไปตามกรอบของสังคม เขารักการเต้นบัลเล่ต์ ในขณะที่เด็กผู้ชายคนอื่นๆ จะเล่นฟุตบอลก็ตาม แถมยังบอกเล่าเรื่องราวของลูกคนจีนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ที่พยายามให้ลูกชายของตัวเองเป็นผู้ชายอย่างที่ต้องการ

สำหรับในเรื่องนี้เกเบรียล หนุ่มน้อยนักบัลเล่ต์ ที่อยู่ ป.1 และร็อบ เด็กใหม่ ป.2 ที่มีบาสเกตบอลเป็นกีฬาโปรดระหว่างที่เขารอกลับด้วยรถโรงเรียน ทั้งคู่เจอกันบนรถโรงเรียน และกลายมาเป็นเพื่อนกัน จนกระทั่งไปเล่นที่บ้านด้วยกัน ตัวของเด็กๆ นั้นต่างยอมรับกันและกัน ว่าเกเบรียล คือเด็กที่มีความซอฟต์ นุ่มนวล และอ่อนหวาน ตัวของร็อบก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธหรือพยายามบอกว่าสิ่งที่เกเบรียลเป็นคือสิ่งที่ผิด แต่พยายามทำความเข้าใจกันมากกว่า กลับกันทางฟากของคุณพ่อของร็อบก็ไม่ได้เห็นตรงกันกับลูกชายของตัวเอง แต่สิ่งที่คุณพ่อของเกเบรียลเขาก็พูดออกมานั้น มันทัชและน่าประทับใจมากๆ

เก็บความประทับใจจากหนังสั้นเรื่องนี้ได้ทาง Disney+ Hotstar

Uncle Frank

โดย First S.

Uncle Frank เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวระหว่างลุงและหลานในยุค 70 โดยที่คุณลุงแฟรงก์ เป็นลูกชายคนโตของบ้าน ที่มีความละเอียดอ่อน สุขุม ทำให้เขากลายเป็นคนโปรดของหลานสาวอย่างเบธ และเมื่อเบธเข้ามหาวิทยาลัย ก็เริ่มสนิทกับลุงแฟรงก์ที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เธอได้เจอกับเพื่อน คนรัก และได้เรียนรู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่ความรักระหว่างชายหญิงเพียงเท่านั้น เธอได้พบว่าลุงแฟรงก์ของเธอไม่ได้มีแฟนเป็นผู้หญิง แต่เป็นผู้ชาย ที่สนุกสนานและดีใจกับเธออยู่เสมอ แน่นอนว่าเรื่องราวนี้อาจจะดูทั่วๆ ไป แต่ก็ต้องบอกว่ามันเต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจและตัวละครที่พร้อมจะซัพพอร์ตกันอย่างเสมอ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องราวที่คนในยุคนั้นจะมองว่ามันเป็นความถูกต้องเหมาะสมก็ตาม

สามารถรับชมไปทาง Amazon Prime Video

Dickinson

โดย First S.

Dickinson จะเป็นเรื่องราวในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงช่วงวัยผู้ใหญ่ของ เอมิลี่ ดิกคินสัน ที่หลงรักเพื่อนสนิทของเธอ ‘ซู กิลเบิร์ต’ ที่ตกลงแต่งงานกับพี่ชายของเอมิลี่ ‘วิลเลียม ออสติน ดิกคินสัน’ ที่รู้จักกันในนาม ‘ออสติน’ โดยซีรีส์ชุดนี้จะพาเราไปสำรวจเรื่องราวชีวิตของเอมิลี่ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่น้อง พ่อแม่ ชายหนุ่ม และเพื่อนสนิทของเธอ ซู กิลเบิร์ต นอกจากนี้แล้วยังนำเสนอประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับข้อจำกัดในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดด้านสังคม เพศ ครอบครัว ที่จะนำเสนออย่างตรงไปตรงมาก ผ่านมุมมองของเอมิลี่ ดิกคินสัน นอกจากนี้แล้วยังใส่เรื่องของเฟมินิสต์ลงไป และบอกเล่าเรื่องราวผ่านการตีความบทกวีของเธอในรูปแบบและยุคสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น ใน Dickinson ซีซั่น 2 มันจะมีความซับซ้อนมากขึ้น เซ็กซี่มากขึ้น และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สำรวจเกี่ยวกับผลงานการเขียนของเอมิลี่ และพาไปทำความรู้จักช่วงชีวิตของเธอ ในการค้นหาวิธีทำให้เธอเป็นที่สนใจ และการเข้าเป็นส่วนหนึ่งในสังคมใหม่ๆ สำหรับคนที่มีชื่อเสียง

คุณสามารถรับชม Dickinson ได้ที่ Apple TV+

Moonlit Winter

โดย First S.

Moonlit Winter เรื่องราวในช่วงฤดูหนาวที่เล่าถึง ‘ยุนฮี’ หญิงสาวที่อยู่กับลูกสาว ‘แซบม’ วัยมัธยมปลาย กันแค่สองคน อยู่มาวันหนึ่ง ยุนฮีก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจาก ‘จุน’ ณ เมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น โดยที่ลูกสาวของเธอแอบอ่านไปเรียบร้อยแล้ว และวางแผนชวนแม่ไปเที่ยวที่นั่น เพื่อหวังว่าจะให้แม่ได้กลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเรื่องราวนี้จะไม่ได้น่าตื่นเต้นอย่างกับหนังรักวัยรุ่น แต่ก็ต้องบอกว่ามันคือความอบอุ่นหัวใจที่ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากฝั่งของยุนฮีแล้ว ก็ยังมีเรื่องราวของจุน รักแรกของยุนฮีที่อยู่ญี่ปุ่น เธอเองก็มีคุณป้าคอยอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องแยกห่างจากคนที่เธอรักก็ตาม ตัวหนังก็จะพาคุณไปทำความรู้จักกับทั้งยุนฮีและจุนทีละเล็กทีละน้อย แทรกด้วยความรักของแซบมและแฟนหนุ่มที่แอบตามกันมา เพราะอยากที่จะให้แม่ของเธอมีความสุขจริงๆ สักที

เรื่องราวทั้งหมดนั้นรอให้คุณได้ค้นหา และสัมผัสความอบอุ่นในฤดูหนาวจาก Moonlit Winter ได้ทาง VIU

GAYBY BABY

โดย First S.

GAYBY BABY สารคดีจากออสเตรเลียที่เคยเข้ามาฉายในไทยโดย Documentary Club ที่บอกเล่าเรื่องราวของ เอโบนี่, กัส, แกรห์ม และแม็ตต์ เด็กจากทั้ง 4 ครอบครัว ที่อยู่กับครอบครัวที่รักเพศเดียวกันในออสเตรเลีย ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความขัดแย้งและความสงสัยใคร่รู้ว่าครอบครัวของพวกเขาผิดปกติ หรือคนอื่นต่างหากที่มองว่ามันคือเรื่องแปลก นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังคงค้นหาคำตอบกับคำถามที่ว่า ความเป็นชายความเป็นหญิงคืออะไรกันแน่

พบกับความอบอุ่นหัวใจและคำถามที่น่าสนใจจากปากของเด็กๆ วัย 11-12 ได้แล้วที่ Documentary Club / VIPA

The Noize Team Recommended

นอกจากนี้แล้ว เรายังรวบรวมซีรีส์และภาพยนตร์ที่มีตัวละคร LGBTQIAN+ รวมอยู่ในนั้นหลากหลายแนวเอาไว้ให้ทุกคนได้เลือกรับชมกันอย่างจุใจจากหลากหลายช่องทางการรับชม