เคยสงสัยบ้างไหนว่าทำไมนิยามทางเพศจึงกลายเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ คน แต่ในเมื่อคุณคลิกเข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว เราจะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือตัวหนึ่ง ที่จะเข้ามาช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศให้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว เครื่องมือตัวนี้ถือเป็นตัวช่วยในการทำความเข้าใจตัวเองได้ดียิ่งขึ้นด้วย วันนี้ Sapphicity อยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ SOGIESC แว่นขยายที่จะช่วยคุณทำความรู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับตัวเองมากยิ่งขึ้น รวมถึงพาไปพูดคุยกับเรื่องของ Pronouns หรือสรรพนามที่หลายๆ คนตอนนี้กำลังใช้กัน มันคืออะไร? แล้วเราจำเป็นต้องทำบ้างหรือไม่?
SOGIESC คืออะไร?
SOGIESC คือ เครื่องมือที่จะช่วยให้เข้าใจในความหลากหลายทางเพศได้มากยิ่งขึ้น เข้าใจว่าในแต่ละตัวอักษา มีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด เราควรที่จะต้องแยกและทำความเข้าใจอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเครื่องมือตัวนี้ถือเป็นแว่นขยายที่จะช่วยสร้างการตระหนักรู้ได้อย่างดี และช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
- SO – Sexual Orientation: รสนิยมทางเพศ หรือเพศวิถี หรือแรงดึงดูดทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้าม เพศเดียวกัน รักต่างเพศ เช่น เกย์, เลสเบี้ยน, ไบเซ็กชวล, แพนเซ็กชวล เดมิเซ็กชวล, เอเซ็กชวล ฯลฯ ซึ่งนอกเหนือจากรสนิยมทางเพศแล้ว ยังรวมไปถึง RO หรือ Romantic Orientation ด้วยนั่นเอง และที่สำคัญเลยก็คือ รสนิยมทางเพศไม่ขึ้นอยู่กับอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลนั้นๆ
- RO – Romantic Orientation: รสนิยมทางจิตใจ หรือรสนิยมรักโรแมนติก หรือแรงดึงดูดทางใจ ในส่วนนี้จะถูกซ่อนอยู่ใต้ SO นั่นหมายความว่า เราจะเป็นที่จะต้องแยกระหว่างแรงดึงดูดทางเพศและแรงดึงดูดทางใจด้วย ไม่ว่าจะเป็น เฮเทอโรแมนติก (Heteromantic), โฮโมโรแมนติก (Homoromantic), ไบโรแมนติก (Biromantic), เดมิโรแมนติก (Demiromantic), เอโรแมนติก (Aromantic) เป็นต้น รสนิยมทางจิตใจไม่ขึ้นอยู่กับอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลนั้นๆ
- GI – Gender Identity: อัตลักษณ์ทางเพศ หมายถึง สำนึกทางเพศของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวกับการระบุถึงเพศของตัวเอง เช่น ชาย หญิง Intersex เจนเดอร์เควียร์ นอนไบนารี่ เป็นต้น ซึ่งอัตลักษณ์ทางเพศล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องส่วนบุคคล และบุคคลนั้นๆ จะเป็นผู้ระบุตนเองเท่านั้น บุคคลนั้นรับรู้เกี่ยวกับตนเองและสิ่งที่พวกเขาเรียกตัวเอง อัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลนั้นอาจเหมือนหรือแตกต่างจากเพศที่กำหนดเมื่อแรกเกิดก็ได้ เช่น
- GE – Gender Expression: การแสดงออกทางเพศ จะเป็นการแสดงออกในด้านรูปลักษณ์ภายนอกของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม ท่าทาง การแต่งกาย ทรงผม เป็นต้น ซึ่งการแสดงออกทางเพศนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นไปตามภาพลักษณ์ของอัตลักษณ์ทางเพศที่สังคมครอบกรอบเอาไว้ด้วย สิ่งที่สำคัญคือ การแสดงออกทางเพศเป็นเรื่องส่วนตัว ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และการแสดงออกทางเพศไม่จำเป็นต้องตรงกับความคิดของสังคมที่วางกรอบอัตลักษณ์ทางเพศไว้
- SC – Sexual Characteristic: เพศสรีระ หรือเพศกำหนด นั่นก็คือเพศที่สังคม แพทย์ เป็นคนกำหนดให้เรา จากลักษณะทางเพศที่เราเกิดมา ซึ่งบางคนอาจจะเลือกที่จะใช้ BC หรือ Biological Characteristics แทน Sexual Characteristic เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจมากที่สุด
เรื่องของความหลากหลายทางเพศถือเป็นสิ่งที่มีความลื่นไหลและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องนิยามแค่เพียงครั้งเดียว แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และสิ่งที่เป็นมาในอดีต จะยังคงมีความหมายอยู่นั่นเอง เรียกได้ว่า อดีตเขาเป็นอย่างไร ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงการนิยามตัวเองไป ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นคนใหม่ ที่ไร้ซึ่งอดีตของเขาเลย
Pronouns คืออะไร?
หลายคนอาจจะเคยเห็นอยู่บ่อยครั้งบน Zoom หรือ Instagram ที่มีหลายๆ คนวงเล็บสรรพนามของพวกเขาเอาไว้ แต่ก็อาจจะเคยเห็นว่ามีคำที่แปลกตาอยู่บ้าง นี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่พวกเราอยากชวนทุกคนให้มาทำความเข้าใจกันมากขึ้นว่า pronouns หรือ สรรพนาม คืออะไรกันแน่
Pronouns หรือ สรรพนาม คือ คำที่ใช้เรียกตัวเองและคนอื่น และเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของการใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่นๆ เนื่องจากสรรพนามบางคำมีการระบุเพศ (เช่น she/her, he/his เป็นต้น) จึงมีความสำคัญที่เราจะต้องใช้สรรพนามอย่างตั้งใจ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและโอบรับทุกคนให้มากที่สุด
ตัวอย่างของสรรพนาม:
- She/Her
- He/Him
- They/Them
- Neopronouns เช่น Ey/Em/Eir, Fae/Faer/Faers, Xe/Xir/Xirs, Xe/Xem/Xyrs และ Ze/Hir/Hirs และ Ze/Zir/Zirs
หลายคนอาจจะใช้สรรพนามหลายชุดรวมกัน เช่น she/they, he/she, they/fae เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตลอดเวลา หรือใช้ในบางสถานการณ์ อาจจะเพราะว่าผู้ใช้คำสรรพนามเหล่านั้นรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องแสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางเพศของตนด้วย
Neopronouns คืออะไร
Neopronouns เป็นสรรพนามที่อาจจะไม่คุ้นหูกันสักเท่าไหร่ แต่เป็นคำสรรพนามที่มีความเป็นกลางทางเพศ เช่น Ey/Em/Eir, Fae/Faer/Faers, Xe/Xir/Xirs, Xe/Xem/Xyrs และ Ze/Hir/Hirs และ Ze/Zir/Zirs ซึ่ง neopronouns เป็นสรรพนามที่สะท้อนถึงตัวตนของแต่ละบุคคล ตามรายงานของ The Trevor Project เมื่อปี 2020 ได้มีการสำรวจเกี่ยวกับการใช้ neopronouns ในสหรัฐอเมริกา พบว่าในกลุ่มเยาวชนมี 4% และกลุ่มผู้ใหญ่ 2% ที่ใช้ neopronouns ด้วย (อ่านเกี่ยวกับ neopronouns ได้ที่ carrd การผันสรรพนามในกลุ่ม neopronouns ได้ที่ HRC)
การใช้ neopronouns นั้น แม้ว่าจะมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนี้ช่วงปัจจุบันนี้ แต่การใช้ neopronouns ได้รับการบันทึกเอาไว้ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 12 เช่น he และ heo แต่มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นคำว่า she ที่ใช้สำหรับแทนเพศหญิง หรือตั้งแต่ช่วงปี 1934-1961 พจนานุกรม Merriam-Webster Unabridged Dictionary ได้ยอมรับคำสรรพนามที่บ่งบอกเพศอย่าง “thon” ซึ่งเป็นการหดคำจากวลี “that one” ซึ่งคิดขึ้นโดย Charles Crozat Converse ในปี 1858 รวมไปถึงชุมชนออนไลน์ยุคแรกอย่าง LambdaMOO ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ได้อนุญาตให้ผู้ใช้เพื่อคำสรรพนามที่เป็นกลางทางเพศอย่าง E/Em/Eir ที่เรียกว่า Spivak pronouns ตามนักคณิตศาสตร์ Michael Spivak
ทำไมการเลือกใช้สรรพนามให้ถูกจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การเลือกใช้สรรพนามที่ถูกต้องสำหรับใครสักคนนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่นั้นกับคุณก็ตาม เพราะเป็นการแสดงถึงการให้ความสำคัญกับเขาเสมอ เว้นแต่เพียงว่า เขาจะขอให้ไม่ใช้สรรพนามนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น เพื่อความปลอดภัยในบางพื้นที่ หรือเพื่อความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆ นั้นใช้ Pronouns อะไร เราจะรู้ได้ยังไง? ถ้าเกิดเป็นในโลกออนไลน์ก็ค่อนข้างง่าย เพราะทุกวันนี้มีการใส่วงเล็บว่าตัวเองใช้ pronouns อะไร ซึ่งโซเชียลมีเดียในทุกวันนี้ก็มีช่องให้วงเล็บ pronouns เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น Zoom หรือ Instagram เป็นต้น
การเลือกใช้สรรพนามนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการแสดงออกถึงตัวตนของพวกเขา และเขาเองก็ควรที่จะต้องได้รับความเคารพจากเราทุกคนด้วย การใช้สรรพนามที่ไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจ หรือทำให้รู้สึกไม่โอเคกับการใช้ผิดนั้นด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า การใช้สรรพนามที่ถูกต้อง เป็นวิธีที่ดีในการแสดงความเป็นมิตร และให้เกียรติอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน
แล้วถ้าเกิดใช้สรรพนามผิด ควรรีบขอโทษ และแก้ไขให้เขาด้วย เพื่อให้คนอื่นๆ ใช้สรรพนามที่ถูกต้องกับบุคคลนั้นต่อได้เรื่อยๆ แต่สิ่งสำคัญเลยก็คือ ไม่จำเป็นจะต้องไปทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ แค่ขอโทษเมื่อพูดผิดแล้วก็เปลี่ยนไปใช้คำที่ถูกต้อง ก็จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับคนที่เราได้พบเจอกัน
รับฟัง Sapphicity EP.2 SOGIESC คืออะไร? สำคัญไฉน? มาดูกัน ได้ทาง
- Youtube: https://youtu.be/3xCtoBbOwlw
- Spotify: https://spoti.fi/3JqBVNJ
- Apple Podcast: https://apple.co/3qAet84
- Anchor: https://anchor.fm/sapphicity/episodes/SOGIESC-e1c90jq
ดำเนินรายการโดย เกรซ, เฟิร์ส และกิ๊ฟ
ตัดต่อโดย ธันย์ชนก ราชเมืองฝาง
ติดตาพวกเราได้ทาง
- Facebook: https://www.facebook.com/thenoizemag
- Instagram: https://www.instagram.com/thenoizemagazine/
- Twitter: https://twitter.com/MagazineNoize
- Email: sapphicity.th@gmail.com
sources:
- https://riccosmartdata.com/sogies/
- https://thailand.savethechildren.net/sites/thailand.savethechildren.net/files/library/SOGIESC_Manual_1.pdf
- https://www.caremat.org/เข้าใจคน-มารู้จัก-sogie-กัน/
- https://www.hrc.org/resources/sexual-orientation-and-gender-identity-terminology-and-definitions
- https://www.mypronouns.org/
- https://www.ungei.org/sites/default/files/A-Brief-on-school-bullying-on-the-basis-of-sexual-orientation-and-gender-identity-LGBT-friendly-Thailand-tha-2014-tha.pdf