ในโลกแห่งภาพยนตร์ยุคใหม่ การหยิบยกงานคลาสสิกมาตีความใหม่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่จะมีสักกี่เรื่องที่สามารถฉีกกรอบเดิมๆ และนำเสนอประเด็นร่วมสมัยได้อย่างถึงแก่น “Hedda” ผลงานใหม่จาก Nia DaCosta ผู้กำกับหญิงมากฝึมือ ที่เคยสร้างเสียงฮือฮามาแล้วจาก Little Woods, Candyman และ The Marvels ครั้งนี้เธอได้จับมือกับนักแสดงคู่บุญอย่าง Tessa Thompson ในการนำบทละครอมตะ “Hedda Gabler” ของปรมาจารย์ชาวนอร์เวย์ Henrik Ibsen มาปัดฝุ่นใหม่ ให้กลายเป็น “ทริลเลอร์สมัยใหม่สุดเร้าใจ” ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ตัณหา และความรุนแรงทางอารมณ์
Hedda เล่าเรื่องราวของ เฮดดา สาวสังคมที่เพิ่งแต่งงานใหม่ ภายนอกเธออาจดูสง่างามและสุขุม แต่ภายในกลับซ่อนความไม่พอใจและความเบื่อหน่ายที่คุกรุ่นรอวันปะทุ เธอคือหญิงสาวผู้มีความทะเยอทะยานและสติปัญญาหลักแหลม แต่กลับถูก “พันธนาการ” ด้วยหลายสิ่ง ทั้งสามีที่เธอไม่ได้รัก คฤหาสน์หรูที่แบกรับภาระทางการเงินมหาศาล และที่สำคัญที่สุดคือ “สังคม” ที่ปิดกั้นเส้นทางของผู้หญิงอย่างเธอ
ความน่าเบื่อคือ “ยาพิษ” ร้ายแรงที่สุดสำหรับเฮดดา และงานเลี้ยงสุดหรูหราที่เธอกำลังจัดขึ้นเพื่อขยายอิทธิพลทางสังคมของสามีนี่เอง ที่กลายเป็น “จุดเดือด” เมื่อ Eileen Lovberg อดีตคนรักที่เปี่ยมเสน่ห์และอัจฉริยะ ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในชีวิตของเธอ การกลับมาของไอรีนคือ “ชนวน” ที่จุดประกายให้เฮดดาต้องลุกขึ้นมาทำลายทุกสิ่งที่ฉุดรั้งเธอไว้ และพร้อมจะสนองความกระหายใน “บางสิ่ง… ที่มากกว่า” ของตัวเอง
ผู้กำกับ Nia DaCosta กล่าวถึงตัวละครนี้อย่างน่าสนใจว่า “ลึกๆ แล้ว สิ่งที่เฮดดาปรารถนาอย่างแท้จริงคือความรัก ความรู้สึกเป็นที่ต้องการ และความเคารพ แต่ในค่ำคืนนี้ เธอเลือกที่จะขับเคลื่อนด้วย อำนาจและการควบคุม เหนือความรัก”
สิ่งที่น่าจับตาของ “Hedda” ในเวอร์ชันของ Nia DaCosta คือการที่เธอเลือกที่จะบีบเรื่องราวทั้งหมดให้อยู่ภายในงานเลี้ยงอันวุ่นวายเพียง “ค่ำคืนเดียว” ทางฝั่งของโปรดิวเซอร์ Jeremy Kleiner จาก Plan B ให้ความเห็นว่า “เฮดดาเป็นตัวละครที่น่าทึ่ง เพราะเธอขาดความกล้าที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง และต้องชดใช้ในราคาที่สูงลิ่ว นั่นคือเรื่องราวที่เป็นอมตะ”
Tessa Thompson กล่าวถึงการตีความครั้งนี้ว่า “ฉันเชื่อเสมอว่าเมื่อต้องดัดแปลงงานคลาสสิก คุณควรจะใส่ความเป็นตัวเองลงไปอย่างเต็มที่ แล้วเนียก็ไร้ความกลัว เธอเลือกฉากหลังเป็นยุค 50s ที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดทางสังคม และบีบอัดทุกการกระทำให้อยู่ในค่ำคืนที่โกลาหลและเต็มไปด้วยแรงกดดัน ซึ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ เร่าร้อนอย่างแท้จริง“
เรื่องราวที่ดำเนินไปไม่ใช่แค่การปะทะคารมธรรมดา แต่คือ “เกมแห่งการบงการที่โหดเหี้ยม” ที่ซึ่งตัณหา ความริษยา และการทรยศหักหลังได้ปะทะกันอย่างจัง ผู้ชมจะได้ร่วมเป็นพยานในค่ำคืนที่แขกเหรื่อทั้งชนชั้นสูงและชนชั้นล่างต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์จากความอันตรายและคาดเดาไม่ได้ของผู้หญิงอย่างเฮดดา โปรดิวเซอร์ Gabrielle Nadig ผู้ร่วมงานกับดาคอสต้ามาอย่างยาวนาน สรุปภาพรวมของภาพยนตร์ได้อย่างน่าสนใจว่า “Hedda คือคำเชิญให้เข้าร่วมปาร์ตี้สุดหรูหรา ที่มีศูนย์กลางคือผู้หญิงที่เซ็กซี่และอันตรายอันน่าเหลือเชื่อ”
สิ่งที่ทำให้ “Hedda” แตกต่างและน่าติดตามยิ่งขึ้น คือการที่ Nia DaCosta ไม่ได้จำกัดภาพยนตร์ไว้ในประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว Nina Hoss ผู้รับบท ไอรีน เลิฟเบิร์ก กล่าวว่า “แนวทางของเนียนั้น ทันต่อยุคสมัยอย่างยิ่ง มันยกระดับคำถามที่เราทุกคนสามารถเชื่อมโยงได้ ใครดีกว่าใคร อำนาจควรถูกใช้เพื่ออะไร อะไรที่ทำให้เรากลายเป็นปีศาจ ทำไมเราถึงบงการและทำลายตัวเอง จากทั้งหมดนี้ เนียได้สร้างภาพยนตร์ที่มีความขี้เล่น เป็นทั้งทริลเลอร์ เมโลดราม่า และยังแฝงความสยองขวัญเล็กน้อย มันทั้งมืดหม่น ตลกขบขัน และคุณจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมปาร์ตี้ที่บ้าคลั่งที่สุด”
เนียยืนยันว่าเรื่องราวนี้เป็นเรื่องของสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ที่ผิดพลาด เธอกล่าวว่า “ปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในยุคของเรา และอาจจะเป็นเพียงแค่การเป็นมนุษย์ นั่นคือความง่ายที่เราทดแทนความต้องการความรักด้วยความต้องการในการไขว่คว้าอำนาจ ทุกตัวละครในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮดดา ต่างก็ตกอยู่ในกับดักนั้น ด้วยความทะเยอทะยานและตัณหาที่ขับเคลื่อนอารมณ์ ในท้ายที่สุด การไล่ล่าอำนาจทั้งหมดนี้ คือ จุดจบ ของพวกเขา”
ด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมของเนีย การแสดงที่ทรงพลังของทีมนักแสดงนำอย่าง Tessa Thompson, Imogen Poots, Tom Bateman, Nicholas Pinnock และ Nina Hoss รวมถึงการตีความที่กล้าหาญ ทำให้ “Hedda” ไม่ใช่แค่การดัดแปลงบทละคร แต่คือ การสำรวจอย่างท้าทาย ถึงแก่นแท้ของอำนาจ ความปรารถนา และการปฏิเสธของผู้หญิงที่จะถูกกักขังจากโลกที่เธออยู่
“Hedda” จึงเป็นมากกว่าภาพยนตร์ แต่คือ “บทเรียน” อันเจ็บปวดและเย้ายวนใจเกี่ยวกับการเลือกที่จะอยู่เหนือความรักด้วยอำนาจ และผลลัพธ์อันแสนสาหัสที่ตามมาเมื่อความเบื่อหน่ายของสตรีผู้ไม่ยอมจำนนถูกจุดประกายด้วยไฟแค้นจากอดีต