ความบอบช้ำทางใจของผู้หญิงได้รับการบอกเล่าอย่างหนักหน่วงและสะเทือนใจที่สุดใน Sound of Falling ผลงานของผู้กำกับ Mascha Schilinski คว้ารางวัลจูรีไพรซ์จากเมืองคานส์ปีล่าสุด และนักวิจารณ์ยกย่องว่า หนังพาผู้ชมไปยังจุดที่ลึกที่สุดในจิตใจของตัวละครได้อย่างน่าทึ่ง หนังติดตามชีวิตของเด็กหญิงสี่คน อัลมา, เอริกา, แองเจลิกา และเลนกา ซึ่งมีชีวิตอยู่คนละช่วงเวลา ในบ้านหลังเดียวกัน เด็กหญิงแต่ละคนใช้ช่วงวัยเยาว์ในบ้านไร่แห่งเดียวกันในแคว้นอัลท์มาร์ค ขณะที่พวกเธอใช้ชีวิตอยู่ใน ปัจจุบัน ของตัวเอง ร่องรอยและแรงกระเพื่อมจากอดีตก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละน้อย
จุดเริ่มต้นมาจากสถานที่จริง: ไอเดียของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากพล็อต แต่เริ่มต้นจาก “สถานที่” ผู้กำกับ มาชา ชิลินสกี และผู้เขียนบทร่วม หลุยส์ ปีเตอร์ ได้ใช้เวลาช่วงฤดูร้อนในฟาร์มเก่าแก่แห่งหนึ่งจริงๆ ในภูมิภาค ทางตอนเหนือของเยอรมนี
ผู้กำกับ มาชา ให้สัมภาษณ์ว่า แรงบันดาลใจสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเธอเห็นภาพถ่ายเก่าของ “ผู้หญิงสามคน” จากปี 1920 ในฟาร์มแห่งนั้น มันทำให้เธอเริ่มจินตนาการว่าชีวิตของพวกเธอเป็นอย่างไร
การวิพากษ์สังคมปิตาธิปไตย ผ่านบาดแผล ขณะที่ธีมหลักของภาพยนตร์คือ “บาดแผลข้ามรุ่น” ไม่ว่าจะยุคไหน ผู้หญิงในเรื่องต่างต้องทนทุกข์ ถูกกดขี่ หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ และมักเกิดขึ้นจาก “น้ำมือของผู้ชาย” หนังแสดงให้เห็นว่าแม้เวลาจะเปลี่ยนไป แต่การปกครองอันโหดร้ายของประเพณีบุรุษในชนบทยังคงอยู่
ความท้าทายของฝ่ายออกแบบงานสร้าง เนื่องจากฟาร์มแห่งนี้คือตัวละครเอก ฝ่ายออกแบบงานสร้าง จึงต้องเผชิญความท้าทายอย่างสูงในการ “สร้างความแตกต่างแต่ยังคงความเชื่อมโยง” ให้กับบ้านใน 4 ยุคสมัย (ยุค 1910s, 1940s, 1980s, 2020s) รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น สีของผนังที่ซีดจางลง เฟอร์นิเจอร์ที่เปลี่ยนไป หรือเทคโนโลยีที่แทรกเข้ามา เช่น ทีวีในยุค 80 ล้วนถูกออกแบบอย่างประณีต เพื่อสะท้อนว่า “กระดูกสันหลัง” ของบ้านยังคงเดิม แต่ “ผิวหนัง” ของมันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและผู้อยู่อาศัย