Streaming ในไทย มีเจ้าไหนบ้างที่น่าสนใจ อัปเดต 2023!

| |

ทุกวันนี้ Streaming ในประเทศไทยก็ทยอยเข้ามาให้เลือกใช้บริการกันอย่างหลากหลายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Netflix ที่เข้ามาตีตลาดในประเทศไทยก่อนใครเพื่อน Apple TV+ ที่เข้ามาอย่างเงียบๆ แต่คอนเทนต์เจ๋งๆ มีให้ดูเพียบ HBO GO สตรีมมิ่งที่บอกได้เลยว่าเนื้อหาแต่ละโชว์ก็น่าสนใจกันไปหมด หรือสตรีมมิ่งเจ้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อปีที่แล้วอย่าง Disney+ Hotstar ที่ขนหนังดิสนีย์ มาร์เวล สตาร์วอร์สมาให้คุณได้รับชม รวมไปถึงสตรีมมิ่งเจ้าใหม่ล่าสุดอย่าง Prime Video ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แม้จะเปิดให้ใช้บริการในประเทศไทยมาหลายปีแล้วด้วยกันนั่นเอง วันนี้ The Noize Team ก็อยากที่จะพาทุกคนไปดูกันว่า Streaming แต่ละเจ้ามีความน่าสนใจในเรื่องไหนกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย

Streaming ในไทย เจ้าไหนน่าสนใจ?

Netflix

สำหรับ Netflix ถือเป็นสตรีมมิ่งเจ้าแรกๆ ที่เข้ามาในไทย และหยิบเอาคอนเทนต์ที่น่าสนใจจากหลากหลายประเทศมาให้ได้รับชมกัน ซึ่งครั้งแรกที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยก็คือในปี 2016 นั่นเอง อีกทั้งยังมีคอนเทนต์ที่น่าสนใจให้รับชม เช่น Orange is the New Black, Stranger Things, Black Mirror, Marriage Story, Warrior Nun, The Umbrella Academy, Sex Education, The Half of It, Fear Street เป็นต้น

สำหรับแพ็กเกจของ Netflix มีให้เลือกถึง 4 แพ็กเกจด้วยกัน นั่นก็คือ 

  • สำหรับมือถือ (ค่าบริการ 99 บาท) – 1 จอ
  • แพ็กเกจพื้นฐาน (ค่าบริการ 279 บาท) – 1 จอ
  • แพ็กเกจมาตรฐาน (ค่าบริการ 349 บาท) – 2 จอ
  • แพ็กเกจพรีเมี่ยม (ค่าบริการ 419 บาท) – 4 จอ (กรณีที่อยู่คนละบ้าน แต่ต้องการรับชมผ่านทีวี ต้องจ่ายเพิ่มบ้านละ 99 บาท และเพิ่มได้สูงสุด 2 บ้าน ต่อแอคเคาน์)

ระบบของ Netflix

  • สัดส่วนภาพ: เท่าต้นฉบับ
  • ความละเอียดสูงสุด: Ultra HD (4K)
  • คุณภาพเสียงสูงสุด: ระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 หรือ Dolby Atmos
  • ซับและเสียง: ซับไทย, เสียงไทย (บางเรื่อง)

ข้อควรรู้

  • แพ็กเกจพรีเมี่ยม ต้องมีการตั้งค่า “สถานที่หลัก” ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2023
  • สามารถชมผ่านโทรทัศน์หรือกล่องทีวีได้ 2 เครื่อง แต่ต้องอยู่ในสถานที่เดียวกัน โดยอิงจาก Wi-Fi เดียวกัน
  • สำหรับมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ รับชมได้ปกติ แม้จะใช้ Wi-Fi คนละที่กับสถานที่หลัก
  • นั่นหมายความว่า มี 1 บ้าน ที่จะสามารถใช้ทีวีได้ แต่คนอื่นๆ ในแอคเคาน์ ยังสามารถใช้งานผ่านมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ได้ตามปกติ

จุดเด่นของ Netflix

  • สามารถแบ่งแอคเคาท์ได้สูงสุด 4 แอคเคาท์ (แพ็กเกจพรีเมี่ยม)
  • สำหรับการรับชมบนสมาร์ทโฟนหรือเว็บเบราวเซอร์ สามารถปรับความเร็วในการรับชมได้
  • มีคอนเทนต์ให้เลือกรับชมหลากหลายประเภท

Apple TV+ 

สตรีมมิ่งเจ้าต่อมาก็คือ Apple TV+ ที่เปิดตัวมาอย่างเงียบๆ แต่ก็เพียบพร้อมไปด้วยคอนเทนต์ออริจินัลที่มีความหลากหลายให้คุณได้เลือกรับชมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Dickinson, Black Bird, Pachinko, The After Party, The Tragedy of Macbeth, Dr. Brain, Shining Girls, Severance, Wolfwalkers, Luck ฯลฯ 

การสมัครใช้งาน Apple TV+

แม้ว่า Apple TV+ จะสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงมือถือได้เฉพาะ iOS เท่านั้น แต่สำหรับโทรศัพท์แอนดรอยด์ สามารถรับชมได้ เพียงแค่สมัคร Apple ID แล้วสมัครใช้งาน Apple TV+ บนเบราวเซอร์ได้อย่างง่ายดาย

ในส่วนของค่าบริการของทาง Apple TV+ ก็จะขึ้นอยู่กับข้อเสนอที่เลือก โดยจะให้บริการทดลองใช้ฟรี 7 วัน ไม่ว่าจะเป็น

  • ใช้บริการฟรี 3 เดือน เมื่อซื้ออุปกรณ์ Apple และสามารถยกเลิกได้ตามต้องการ
  • สมัครสมาชิกรายเดือน ราคาเดือนละ 199 บาท
  • สมัครใช้บริการ Apple One ซึ่งรวมบริการอื่นๆ ของ Apple อีก 3 บริการ นั่นก็คือ Apple Music, Apple Arcade และ iCloud+ ราคาเดือนละ 295 บาท

ระบบของ Apple TV+

  • สัดส่วนภาพ: เท่าต้นฉบับ
  • ความละเอียดสูงสุด: 4K HDR
  • คุณภาพเสียงสูงสุด: Dolby Atmos
  • ซับและเสียง: ซับไทย, เสียงไทยบางเรื่อง (ส่วนใหญ่เป็นการ์ตูน)

จุดเด่นของ Apple TV+

  • คอนเทนต์ภายในสตรีมมิ่ง เป็นออริจินัลคอนเทนต์ล้วน
  • ไม่สามารถแบ่งแอคเคาท์ได้ แต่สามารถรับชมพร้อมกันได้สูงสุด 6 จอพร้อมกัน
  • มีโบนัสคอนเทนต์ และคลิปพิเศษของแต่ละเรื่อง (แต่ละเรื่องก็จะมีความแตกต่างกันออกไป)
  • ค่าบริการไม่สูง แต่ได้ความละเอียดสูง เมื่อเทียบกับสตรีมมิ่งเจ้าอื่นๆ

HBO GO

สำหรับสตรีมมิ่งเจ้านี้ หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ไม่น้อย เพราะว่าเป็นสตรีมมิ่งจากค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง Warner Bros. ที่มีช่องและค่ายหนังภายใต้เครืออีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นช่อง HBO, HBO MAX, The CW, Cartoon Network รวมไปถึงหนังบล็อกบัสเตอร์ที่น่าสนใจมีให้คุณเลือกชม ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์สุดปังอย่าง Game of Thrones ที่กำลังจะมีภาคก่อนหน้าให้เราดูกันอย่างเรื่อง House of the Dragon, Westworld, Mare of Easttown, Succession, Hacks, Gossip Girl เป็นต้น

ในส่วนของค่าบริการของสตรีมมิ่งเจ้านี้ก็จะอยู่ที่ ราคา 149 บาท ต่อเดือน แต่สำหรับลูกค้าอินเตอร์เน็ตบ้านในแพ็กเกจ 3BB GIGATainment ก็สามารถจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมจากค่าบริการอินเตอร์เน็ตบ้านเพียง 39 บาทต่อเดือนจากแพ็กเกจเดิม ก็สามารถรับชม HBO GO ได้

ระบบของ HBO GO

  • สัดส่วนภาพ: 16:9
  • ความละเอียดสูงสุด: Full HD (1080p)
  • คุณภาพเสียงสูงสุด: ระบบเสียง 2.0
  • ซับและเสียง: ซับไทย, เสียงไทยบางเรื่อง

จุดเด่นของ HBO GO

  • ไม่สามารถแบ่งแอคเคาท์ได้ แต่สามารถรับชมพร้อมกันได้สูงสุด 3 จอพร้อมกัน
  • คอนเทนต์น่าสนใจ เข้าชิงรางวัลจากหลายเวที ให้คุณได้เลือกชมกันอย่างจุใจ
  • UX/UI ของ HBO GO เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง

Disney+ Hotstar

น้องใหม่แต่ไม่ใหม่ล่าสุดในกลุ่ม Streaming อย่าง Disney+ Hotstar ที่เต็มไปด้วยคอนเทนต์ที่คอแฟรนไชส์หลายๆ คนตั้งตารอคอย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์และซีรีส์จากค่าย Disney, Marvel, Lucasfilm, Pixar ฯลฯ ไปจนถึงคอนเทนต์จากช่องต่างๆ ทั้ง Disney Channel, Disney Junior, ABC, FX, Hulu, Freeform, National Geographic เป็นต้น

สำหรับค่าบริการของสตรีมมิ่งเจ้านี้จะพ่วงอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออย่าง AIS มีให้เลือก 2 แพ็กเกจด้วยกัน นั่นคือ

  • แพ็กเกจมือถือ: ค่าบริการรายเดือน 99 บาทต่อเดือน และค่าบริการรายปีอยู่ที่ 799 บาท
  • แพ็กเกจพรีเมียม: ค่าบริการรายเดือน 289 บาทต่อเดือน และค่าบริการรายปีอยู่ที่ 2,290 บาท

ระบบของ Disney+ Hotstar

  • ความละเอียดสูงสุด: แพ็กเกจมือถือ รับชมความละเอียดสูงสุด HD (720p) และแพ็กเกจพรีเมียมที่ Ultra HD (4K) เฉพาะบนทีวีที่รองรับ 4K UHD
  • คุณภาพเสียงสูงสุด: แพ็กเกจมือถือ ระบบเสียงสเตอริโอ และแพ็กเกจพรีเมียม ระบบเสียง Dolby 5.1, Dolby Atmos
  • ซับและเสียง: ซับไทย, เสียงไทยบางเรื่อง

จุดเด่นของ Disney+ Hotstar

  • สามารถแบ่งแอคเคาน์ได้ถึง 7 แอคเคาน์ แพ็กเกจมือถือ สามารถรับชมพร้อมกันได้ 1 หน้าจอ และแพ็กเกจพรีเมียม สามารถรับชมพร้อมกันได้ 4 หน้าจอ
  • รวมผลงานบล็อกบัสเตอร์ระดับโลกจาก Disney, Marvel, Star Wars และอีกมากมาย รวมไปถึงภาพยนตร์และซีรีส์จากไทยและเอเชีย

Prime Video

ค่ายน้องใหม่ที่เข้ามาตีตลาดในไทยอย่างจริงจัง หลังจากแอบมาเงียบๆ ได้หลายปีดีดักอย่าง Prime Video นั้น ก็ต้องบอกว่าไม่ควรพลาดกันเลยทีเดียว เพราะว่าเขามาพร้อมทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ยอดฮิตจากอเมริกาและทั่วทั้งโลก ไปจนถึงคอนเทนต์ออริจินัลต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น Fleabag, The Boys, Modern Love, Invincible, Reacher, A League of Their Own เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังมีคอนเทนต์จากค่ายหนัง MGM ที่มีหนังแฟรนไชส์ชื่อดังอย่าง James Bond ให้คุณได้ติดตามกันอีกด้วย

สำหรับค่าบริการของสตรีมมิ่งเจ้านี้จะอยู่ที่ 179 บาทต่อเดือน

ระบบของ Prime Video

  • ความละเอียดสูงสุด: Ultra HD (4K)
  • คุณภาพเสียงสูงสุด: ระบบเสียงเซอร์ราวด์ 5.1, Dolby Atmos
  • ซับและเสียง: ซับไทย

จุดเด่นของ Prime Video

  • สามารถแบ่งแอคเคาท์ได้ 5 แอคเคาท์ สามารถรับชมพร้อมกันได้สูงสุด 3 เครื่อง
  • มีคอนเทนต์ออริจินัลให้รับชม รวมไปถึงคอนเทนต์จากค่าย MGM
NetflixApple TV+HBO GODisney+ HotstarPrime Video
ปีที่เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ20162019202020212022
ราคา99 – 419 บาทต่อเดือน(ขึ้นอยู่กับรูปแบบแพ็กเกจ)199 บาท ต่อเดือนราคา 149 บาท ต่อเดือน (ลูกค้า 3BB GIGATainment จ่ายเพิ่ม 39 บาทต่อเดือนจากแพ็กเกจเดิม)แพ็กเกจมือถือ 799 บาทต่อปี
แพ็กเกจพรีเมียม 2,290 บาทต่อปี
179 บาทต่อเดือน
ทดลองใช้ฟรีไม่มี7 วันไม่มีไม่มี7 วัน
สัดส่วนภาพเท่าต้นฉบับเท่าต้นฉบับ16:9เท่าต้นฉบับ
ความละเอียดสูงสุดUltra HD (4K)4K HDRFull HD (1080p)แพ็กเกจมือถือ:
HD (720p)
แพ็กเกจพรีเมียม: Ultra HD (4K) เฉพาะบนทีวีที่รองรับ 4K UHD
Ultra HD (4K)
คุณภาพเสียงสูงสุดระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 หรือ Dolby AtmosDolby Atmosระบบเสียง 2.0แพ็กเกจมือถือ: ระบบเสียงสเตอริโอ
แพ็กเกจพรีเมียม: ระบบเสียง Dolby 5.1, Dolby Atmos
ระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 หรือ Dolby Atmos
Previous

M Pictures ชวนดูหนังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิง “WOMEN ON FILM” ฟรี ตลอดเดือนสิงหาคมนี้

ห้ามพลาดกับ NOPE ภาพยนตร์ล่าสุดของจอร์แดน พีล กับ แดเนียล คาลูยา

Next