28 YEARS LATER (28 ปีให้หลัง เชื้อเขมือบคน) ภาพยนตร์ที่จะสร้างประสบการณ์สุดระทึกและปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบ ที่แตกต่างจากเรื่องไหนๆ ที่ผู้ชมเคยสัมผัสมาก่อน นำแสดงโดย โจดี้ โคเมอร์, แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน, แจ็ค โอ‘ คอนเนล, อัลฟี วิลเลียมส์ และราล์ฟ ไฟน์” กำกับโดย “แดนนี บอยล์” เขียนบทโดย อเล็กซ์ การ์แลนด์
28 YEARS LATER เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นในโลกที่ต่อเนื่องมาจาก 28 Days Later (2003) นับตั้งแต่ไวรัสบ้าเลือดหลุดออกมาจาก ห้องทดลองอาวุธชีวภาพ โลกจึงเต็มไปด้วยคนติดเชื้อร้าย หลังจากเวลาผ่านไปเกือบสามทศวรรษ ตอนนี้ ผู้รอดชีวิตก็ยังคงต้องอยู่ภายใต้การคุ้มกันอย่างเคร่งครัด บางกลุ่มก็ค้นพบวิธีที่จะดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ติดเชื้อได้ มีผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งแยกตัวไปใช้ชีวิตอยู่ใน Holy Island เกาะเล็กๆที่ปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันก็มีทางเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ (Main Land) ที่ๆ เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อที่อยู่ภายใต้การกักกันอย่างแน่นหนา และแล้วเมื่อสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มมีเหตุต้องเดินทางออกจากเกาะ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจในใจกลางแผ่นดิน ใหญ่อันมืดทมิฬ เขาก็ค้นพบความลับ ความน่าอัศจรรย์ และความน่าสยองขวัญน่าสะพรึง ที่ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์กับผู้ติดเชื้อ แต่ยังรวมถึงผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ยี่สิบปีหลังจากการปรากฏของไวรัสคลุ้มคลั่ง ซึ่งเป็นอาการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายทางเลือด และทำให้ผู้ติดเชื้ออยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งสุดขีดอย่างไม่อาจควบคุมได้ สายพันธุ์ใหม่ก็ได้ปรากฏขึ้น ทำให้ผู้ติดเชื้อมีสภาพร่างกายแตกต่างจากผู้ติดเชื้อที่เราเคยพบมาก่อน
“สโลว์-โลว์” พวกนี้มีร่างกายอ้วนฉุ เจ้าเนื้อและเชื่องช้า พวกเขาเคลื่อนตัวแบบสี่ขา โดยที่แนบท้องเรี่ยพื้นดิน แล้วก็มีผู้ติดเชื้อรุ่นแรก ผู้ที่ติดเชื้อในช่วงระลอกแรกเมื่อเกือบสามทศวรรษที่แล้ว ผู้ที่จะมีเส้นเลือดโป่งพองออกมาเป็นปมที่น่าเกลียดน่ากลัวตามร่างกาย เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมตอนที่ติดเชื้อเสื่อมสภาพไปนานแล้ว ดังนั้น พวกเขาก็เลยเร่ร่อนในแผ่นดินใหญ่ด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่า ในลักษณะที่เหมือนสัตว์ เบอร์เซิร์กเกอร์หรืออัลฟาร่างใหญเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ราวกับว่าไวรัสคลุ้มคลั่งที่ได้รับอะดรีนาลินเข้าไปใหม่ทำหน้าที่เป็นเหมือนสเตอรอยด์หรือฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตที่เข้มข้น สิ่งที่น่าหวาดหวั่นกว่านั้นคือความจริงที่ว่าพวกเขาไม่ใช่แค่ตัวใหญ่ขึ้น แต่ยังฉลาดขึ้นด้วย อาวุธของพวกเขาก็คือหัวของมนุษย์ที่เป็นเหยื่อ โดยที่ยังมีกระดูกสันหลังยึดติดอยู่ ซึ่งพวกเขาใช้เหมือนกับเป็นแส้
ในขณะที่การกลายพันธุ์ของผู้ติดเชื้อจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปอย่างมาก มู้ดดี้ก็ต้องการให้มีบางสิ่งร้อยโยงพวกเขาเข้าด้วยกัน “ฉันคิดถึงภาพที่จะเป็นตัวแทนของไวรัสคลุ้มคลั่งตัวนี้ ซึ่งเริ่มต้นที่หัวใจก่อนจะแพร่กระจายไปตามหน้าอก เราได้เล่นกับเท็กซ์เจอร์ รูปทรงและสีสันที่หลากหลายมากๆ โดยเราตัดสินใจเลือกสีขาวที่ออกเขียวหน่อยๆ ซึ่งบังเอิญเป็นสีของมอสตรงที่ที่พวกผู้ติดเชื้อรวมตัวกัน คุณจะเห็นสีนั้นตรงหน้าอกของพวกเขาและคิดว่า ใช่แล้ว พวกเขาติดเชื้อ และก็โป๊ด้วย”
สำหรับพวกสโลว์-โลว์ ผู้ชอบฉกฉวยโอกาส จอห์น โนแลน ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายสเปเชียล เมคอัพ เอฟเฟ็กต์ ได้คลุมส่วนขาหนีบด้วยชิ้นส่วนอวัยวะเพศเทียม เพื่อทำให้แน่ใจว่ามันจะอำพรางบริเวณบางส่วนเอาไว้ได้ เขาอธิบายถึงผู้ติดเชื้อที่มีวิวัฒนาการลดถอยลงเพิ่มเติมว่า “พวกสโลว์-โลว์ ด้านหน้าจะชื้นแฉะเพราะพวกเขาไม่ได้รับแสงอาทิตย์เลย พวกเขาก็เลยแทบจะเหมือนตัวทาก พวกเขายืนไม่ได้ หรือแทบจะกลิ้งตัวไปมาด้วยซ้ำ พวกเขาค่อนข้างจะแปลกประหลาด โดยเฉพาะในจักรวาลนี้ เพราะใน 28 Days Later พวกผู้ติดเชื้อจะวิ่งด้วยความเร็วสูงบ่อยๆ พวกสโลว์-โลว์จะกินทุกอย่างที่ถูกทิ้งขว้างโดยผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ พวกเขามีฟันที่น่าขยะแขยง และพวกเขาก็ดูดกินของที่เหลือจากผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ ด้วย ดังนั้น มันก็ค่อนข้างน่าแหวะทีเดียวล่ะ”
ระหว่างการถ่ายทำ ในตอนที่หาคำนิยามให้กับผู้ติดเชื้อ บอยล์และโนแลนได้ถอดความจากบทพูดหนึ่งใน Jurassic Park “เราอยากแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีวิวัฒนาการยังไง เพราะ ‘ธรรมชาติมักหาวิธี’ ในการวิวัฒนาการได้เสมอ” บอยล์ตั้งข้อสังเกต “มันไม่หยุดยั้ง ไม่ว่ากระบวนการนั้นจะน่าเกลียด น่ารังเกียจหรือแม้แต่สวยงามขนาดไหนก็ตาม
“กับหนังเรื่องนี้ เราเร่งความเร็วให้กับความเปลี่ยนแปลง เพราะมันเป็นเวลาเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้นหลังจากการติดเชื้อครั้งแรก ซึ่งในแง่ของวิวัฒนาการแล้ว เป็นเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น เราบีบอัดเวลาและผลักดันมันให้ไปข้างหน้า องค์ประกอบต่างๆ จะปรากฏออกมาจากผู้ติดเชื้อ ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ มีครอบครัวด้วยซ้ำไป และก็เริ่มมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน”
ผู้ติดเชื้อหลากหลายประเภทมีพฤติกรรมเฉพาะตัว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของโค้ชสอนการเคลื่อนไหว โทบี้ เซดจ์วิค ผู้อธิบายเกี่ยวกับกระบวนการของเขาว่า “หน้าที่ของผมคือการสอนนักแสดงว่าจะเคลื่อนไหวและกลายเป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้ออย่างไร ผมสอนทุกคนเกี่ยวกับระดับความตึงเครียดต่างๆ เพราะเชื้อโรคนี้ก่อให้เกิดความตึงเครียดมหาศาล ซึ่งในทางกลับกันก็จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่เฉียบคม แปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้ แม้แต่ตอนที่ผู้ติดเชื้อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า พวกเขาก็จะกระจัดกระจายตัวกันอยู่ พวกเขาอาจจะไม่อยากขยับไปข้างหน้า แต่เชื้อร้ายนี้ผลักดันพวกเขาไปข้างหน้า”
เหล่าผู้ติดเชื้อเป็นอันตรายที่อยู่ทุกหนทุกแห่งสำหรับชาวเกาะที่เดินทางผจญภัยไปยังแผ่นดินใหญ่เพื่อหาเสบียง หรืออย่างเช่นเจมีกับสไปค์ ที่เป็นพิธีกรรมการล่า แต่สำหรับผู้ที่อยู่นอกเกาะอังกฤษ ผู้ปราศจากเชื้อโรคร้ายนี้ การไปเยือนเกาะที่ถูกปิดกั้นนี้อย่างไม่คาดฝันอาจเป็นประสบการณ์ที่น่าตกตะลึงได้
อย่างเช่นอีริค ซันด์ควิสต์ ทหารสวีดิชผู้อยู่บนเรือลาดตระเวนของนาโต้ ผู้ซึ่งภารกิจคือการปกป้องโลกภายนอกจากเกาะอังกฤษและเชื้อไวรัส เรือของเขาล่ม ทำให้เขาและทหารอีกนายหนึ่งต้องติดอยู่บนแผ่นดินใหญ่ ทำให้พวกเขาต้องใกล้ชิดกับพวกเบอร์เซิร์กเกอร์ “มันเป็นสถานที่ที่แปลกและน่ากลัวมากๆ สำหรับพวกเขา” เอ็ดวิน ไรดิ้ง ผู้รับบทอีริคกล่าว “มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างอีริคและสไปค์ ผู้มองผู้ติดเชื้อว่าเป็นความจริงของชีวิต สำหรับอีริค พวกเขาเป็นอันตรายที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้”
อันตรายดังกล่าวมีตัวอย่างคือเบอร์เซิร์กเกอร์ ที่รู้จักกันในนามของ แซมสัน ผู้ซึ่งอีริคได้เผชิญหน้าด้วยอย่างน่าสะพรึงกลัวหลังจากที่ช่วยชีวิตสไปค์และอิสลาเอาไว้ได้ไม่นาน “ตอนที่คุณสร้างหนังสยองขวัญ คุณจะมองหาภาพที่จะขู่ขวัญผู้ชม” บอยล์ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับฉากนี้และฉากที่คล้ายคลึงกันในเรื่องนี้ “มีองค์ประกอบที่จำเป็นทางสัญชาตญาณและคุณก็มีความรับผิดชอบที่จะต้องผลักดันขีดจำกัดออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเผชิญหน้ากันครั้งนั้นเป็นวิธีการที่ทรงพลังในการสาธิตพลังของพวกเบอร์เซิร์กเกอร์”
ฉี ลูอิส-แพร์รี นักสู้ศิลปะการต่อสู้ผสม นักแสดงและบอดี้การ์ด รับบทจ่าฝูงในหมู่จ่าฝูง แซมสัน ร่างยักษ์ ลูอิส-แพร์รี เจ้าของร่างสูง 6 ฟุต 8 นิ้ว มีรูปร่างที่น่าประทับใจอยู่แล้ว แต่โนแลนและมู้ดดี้ก็อยากจะทำให้เขามีสภาพร่างกายที่น่ายำเกรงมากขึ้นไปอีก “ทุกอย่างจะต้องถูกขยายใหญ่ เพราะเราอยากให้แซมสันน่าหวาดหวั่นและน่าสะพรึงกลัวจนน่าขนลุก” โนแลนกล่าว “เราออกแบบส่วนพุงที่มีรอยแผลเป็น แล้วเพิ่มกล้ามเนื้อตรงส่วนหลังของเขาเข้าไป เพื่อเพิ่มสัดส่วนของทุกอย่างขึ้นมาประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์”