ดาวอีกดวงที่จับตามองสำหรับวงการดนตรีอินดี้ป็อป เมื่อ Gatlin ศิลปินสาวผู้มีพื้นเพจากรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ได้ฤกษ์ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกในชีวิตที่มีชื่อว่า ‘The Eldest Daughter’ ออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันแล้ว ภายใต้สังกัด Dualtone Records
อัลบั้มความยาว 10 เพลงชุดนี้ไม่ใช่แค่การรวมบทเพลงธรรมดา แต่เป็นเหมือนไดอารี่ที่ Gatlin ได้ถ่ายทอดเรื่องราวการเปิดเผยตัวตนทางเพศ (Coming Out) ในชุมชนที่ยังมีความคิดคับแคบ ซึ่งนำไปสู่การเผชิญหน้ากับอดีตอย่างไม่ย่อท้อ และเป็นเหมือนการ “ทวงคืน” ตัวตนที่แท้จริงกลับคืนมาอย่างงดงามและแข็งแกร่ง
‘The Eldest Daughter’ คือผลผลิตที่เกิดจากการสำรวจและบำบัดทางอารมณ์ของ Gatlin ที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เพศวิถี (Sexuality), อัตลักษณ์ (Identity), ครอบครัว และ ความเชื่อ เธอสามารถเปลี่ยนแรงกดดันและน้ำหนักจากวัยเด็กในภาคใต้ของสหรัฐฯ ให้กลายเป็นงานเพลงที่ กล้าหาญ มั่นใจ และ ถ่ายทอดความเป็นตัวเองอย่างหมดจด
เพลงเปิดตัวของอัลบั้มที่มาพร้อมกับความไม่ยอมจำนนต่อขนบธรรมเนียม คือเพลง “Florida Man” ที่เปรียบเสมือนเป็น คำประกาศเจิดจรัสถึงอิสรภาพ จากบ้านเกิดและรัฐที่พยายามจะปิดกั้นความเป็นเควียร์ของเธอ บทเพลงนี้ถูกเขียนขึ้นขณะที่เธอทำงานอยู่ในลอนดอน และได้รับอิทธิพลจากกลิ่นอาย Britrock ที่เปี่ยมไปด้วยความสว่างไสวของวงอย่าง The Verve และ Primal Scream ทำให้เกิดเป็นซาวด์ที่รู้สึกพุ่งทะยานและปลดปล่อยตั้งแต่โน้ตแรก
Gatlin ได้กล่าวถึงความตั้งใจของเพลงนี้ไว้ว่า “เพลงนี้คือการประกาศอันทรงพลังของฉันเกี่ยวกับชีวิตที่ครอบครัวและชุมชนที่ฉันเติบโตมาต้องการให้ฉันเป็น ฉันอยากให้มันพุ่งทะยานและให้ความรู้สึกเป็นอิสระในการโปรดิวซ์ เพราะเนื้อเพลงไม่เพียงแต่เกี่ยวกับการควบคุมชีวิตที่ฉันตัดสินใจจะใช้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการยืนหยัดเพื่อมันด้วย”
เนื้อเพลงที่บาดลึกและแฝงความประชดประชันอย่าง “Now I’m in a bluer state / Was over your prude parade/ It’s my life / It don’t look like yours.” (“ตอนนี้ฉันอยู่ในภาวะที่เศร้ากว่า / จบสิ้นแล้วขบวนพาเหรดที่เคร่งครัดของคุณ / นี่คือชีวิตของฉัน / มันไม่เหมือนของคุณ”) คือการประกาศอย่างเป็นผู้ชนะในการปฏิเสธความคาดหวังที่คับแคบซึ่งเคยพันธนาการเธอไว้ เพลง “Florida Man” จึงกลายเป็นหนึ่งของอัลบั้ม ที่ผสมผสานระหว่างความอบอุ่นในอดีตกับขนบธรรมเนียมที่บีบรัดที่เธอกำลังก้าวออกมาจากมัน
ก่อนหน้าที่อัลบั้มจะปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ Gatlin ได้ทยอยปล่อยเพลงที่น่าสนใจออกมาให้ฟังล่วงหน้าแล้วหลายเพลง ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อดนตรีชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Soho House Valet” ซึ่งเป็นเหมือน แกนกลางที่เจ็บปวด ของอัลบั้มนี้ นอกจากนี้ยังมีเพลง “Happy” และ “Pipe Dream” ที่ทั้งสองเพลงนี้เป็นการสะท้อนอย่างตรงไปตรงมาถึง ปัญหาสุขภาพจิต (Mental Health) ในวงการเพลง ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Rolling Stone
ในช่วงต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา Gatlin ยังได้แชร์เพลง “Jesus Christ & Country Clubs” ซึ่งเป็นเพลงที่สื่อถึง “การยกนิ้วกลางให้ผู้ที่ไม่ยอมรับตัวตนของเธออย่างท้าทายและภาคภูมิใจ” ตามคำนิยามของสื่อ Ones To Watch และเพลง “If She Was A Boy” ที่ Gatlin รำลึกถึงคนที่เธอเคยหลงรักในช่วงเริ่มต้นของการ Coming Out ซึ่งเพลงนี้ถูกยกให้เป็น Song You Need To Know โดย Rolling Stone และเป็นหนึ่งใน Best Songs Of The Week โดย GLAAD
อัลบั้ม ‘The Eldest Daughter’ ถูกเขียนขึ้นในหลายสถานที่ ทั้งแนชวิลล์ ลอสแองเจลิส และช่วงเวลาที่สำคัญของการทำงานในลอนดอน ซึ่งได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของเธอ อัลบั้มนี้ยังได้ร่วมงานกับนักสร้างสรรค์หญิงที่มีชื่อเสียงมากมายในวงการเพลง ไม่ว่าจะเป็น Jennifer Decilveo (เคยทำงานกับ Miley Cyrus, Hozier), Liza Owen (เคยร่วมงานกับ Carly Rae Jepsen, Selena Gomez) และ Tessa Mouzourakis (จากวง Tommy Lefroy) นอกจากนี้ Gatlin ยังเป็นโปรดิวเซอร์ในอัลบั้มนี้ด้วยตัวเอง ในขณะที่เธอกำลังคลี่คลายประสบการณ์เกี่ยวกับความเป็นเควียร์ สุขภาพจิต บทบาททางเพศ และความตึงเครียดในครอบครัวอีกด้วย
‘The Eldest Daughter’ จึงเป็นอัลบั้มที่ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางดนตรีของ Gatlin แต่ยังเป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นถึงความสำคัญของการเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงในโลกที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ใครที่กำลังมองหาอัลบั้มเพลงที่ กล้าหาญ ตรงไปตรงมา และ สร้างแรงบันดาลใจ ไม่ควรพลาดผลงานชิ้นเอกชุดนี้ของ Gatlin อย่างยิ่ง